‘สภาพัฒน์’ คาดจีดีพีไทยปี 66 ขยายตัวได้ 4.3-4.5% เศรษฐกิจไทยยังโตแกร่ง

345
0
Share:

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 66 จะขยายตัวได้ 4.3-4.5% จากในปีนี้ที่คาดว่าจะโตได้ 3% โดยมาจากแรงหนุนการส่งออก และท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 7-10 ล้านคน แต่ยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างใกล้ชิด ได้แก่ ปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐและสหภาพยุโรป เศรษฐกิจจีนชะลอตัว “ต่างประเทศยังเชื่อมั่นประเทศไทย โครงสร้างทางเศรษฐกิจหรือความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจยังดีอยู่ ปีหน้าน่าจะโตได้ 4.3-4.5% ซึ่งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ เพราะความเสี่ยงมันเยอะ”

ซึ่งหลังจากหารือกับการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วมองกันว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะมีอัตราการขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% แน่นอน เนื่องจากการส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนก็เป็นโอกาสในการส่งออกของอุตสาหกรรมอาหาร ขณะที่การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว โดยคาดว่าปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 7-10 ล้านคน ส่วนการบริโภคภายในประเทศมีอัตราขยายตัว 8% แต่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังลดลงจากความกังวลเรื่องค่าครองชีพ และราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตรก็ดีขึ้น อัตราผู้เข้าพักในโรงแรมสูงขึ้น

ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้พบว่าสินเชื่อภาคธุรกิจมีการขยายตัวแสดงว่าภาคเอกชนมีการขยายการลงทุนอย่างช้าๆ แต่ระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีแนวโน้มลดลง สถานการณ์ในภาพรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่วนสาเหตุที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังวิกฤตครั้งนี้ไม่สูงในระดับ 6-7% เหมือนที่ผ่านมา เนื่องมาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศเปลี่ยนไปจากการผลิตเป็นการท่องเที่ยว

ส่วนปัญหาพลังงาน รัฐบาลได้เข้ามาดูแลราคาไม่ให้สูงเกินไป และต้องขอบคุณผู้ประกอบการที่ยังไม่ผลักภาระให้กับผู้บริโภค ซึ่งสถานการณ์ในปีนี้ทุกคนคงต้องดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง และช่วยกันประหยัดพลังงาน หลังจากเดือน ก.ย.แล้วก็จะมีการพิจารณาว่าจะปรับมาตรการอย่างไร ขณะที่ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญหาสังคมผู้สูงวัยยังคงมีอยู่ต่อไป ปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ที่พยายามให้เกิดการแบ่งขั้วมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องกำหนดบทบาทตัวเองให้เหมาะสม รักษาผลประโยชน์สูงสุด “ตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทุกคนต้องลดความขัดแย้งเพื่อหันมาช่วยกันพาประเทศให้ก่าวหน้าต่อไป เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแรงและมั่นคงในอนาคต” นายดนุชา กล่าว