หนีบิทคอยน์! นักลงทุนแห่เลิกเทรดบิทคอยน์ถึง 50%

499
0
Share:
หนี บิทคอยน์! นักลงทุนแห่เลิกเทรดบิทคอยน์ถึง 50%

ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า บัญชีซื้อขายเงินบิทคอยน์ที่มีธุรกรรมเป็นปกติมีสัดส่วนลดลงกว่า 50% ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่เงินบิทคอยน์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 2.49 ล้านบาท/บิทคอยน์ มาถึงเดือนพฤษภาคม 2565 นั่นหมายถึง มีบัญชีซื้อขายเงินบิทคอยน์ที่ทำธุรกรรมปกติตกต่ำลงมาเหลือราว 500,000 รายจากเดิมประมาณ 1,000,000 ราย

สาเหตุจากในเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกเผชิญภาวะตกต่ำอย่างหนักด้วยแรงเทขายที่รุนแรงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความไม่มั่นใจและมีมุมมองในด้านลบต่อเงินคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสกุลเงินบิทคอยน์เพิ่มสูงขึ้นระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากมูลค่าตลาดเงินดังกล่าวในภาพรวมตกต่ำหลุดระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 36 ล้านล้านบาท ตามด้วยปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคด้านเงินเฟ้อสูง และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ รวมถึงปัญหาสภาพคล่องของแพลทฟอร์มซื้อขายและเงินกู้เพื่อให้นักลงทุนกู้ยืมไปลงทุนเงินบิทคอยน์

ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยผลสำรวจมุมมองและทัศนคติของนักลงทุนในสหรัฐอเมริกา พบว่า ชาวอเมริกันในสัดส่วนเดิมที่ 21% เพิ่มสูงขึ้นเป็น 30% ยอมรับว่าไม่เคยลงทุน และไม่มีความตั้งใจที่จะลงทุนในเงินคริปโทเคอร์เรนซีแต่อย่างใด ในขณะที่มีสัดส่วนน้อยมากที่มีมุมมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ ผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่าทรัพย์สินด้านการเงินของครัวเรือนในสหรัฐอเมริกามีเงินคริปโทเคอร์เรนซีน้อยกว่า 1% ของทรัพย์สินการเงินทั้งหมดในครอบครัว

สิ่งสำคัญต่อมา คือในช่วง 2-3 ปีผ่านมานั้น พบว่า เกือบ 70% ของประชาชนในสหรัฐอเมริกาที่มีกว่า 300 ล้านคนนั้น ไม่เคยลงทุน และไม่มีความตั้งใจตะลงทุนในเงินคริปโทเคอร์เรนซี

ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า นักลงทุนที่ยังคงอยู่ในตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซี ให้เหตุผลเป็นการลงทุนเพื่อความสนุก และทำให้เกิดการติดตามแนวโน้มใหม่ๆของเงินคริปโทเคอร์เรนซีเท่านั้น