หมอธีระเผย ‘ยอดผู้ติดเชื้อ’ ของจริงไทย มีมากกว่าที่รายงาน ชี้เห็นแค่ที่ระบบตรวจได้

475
0
Share:

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า…สถานการณ์ไทยเราเอาแค่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยืนยัน (RT-PCR) เมื่อวาน ถือว่าสูงเป็นอันดับ 18 ของโลก และอันดับ 8 ของเอเชียแต่ถ้ารวม ATK ไปด้วย จะขึ้นมาเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 6 ของเอเชีย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ติดเชื้อจริงจะมากกว่าที่เห็นจากตัวเลขที่รายงาน เพราะปัญหาในการเข้าถึงบริการตรวจ ไม่ว่าจะ RT-PCR หรือ ATK ก็ตาม ยังไม่นับเรื่องโอกาสเกิดผลลบลวงจากการตรวจด้วย ATK ซึ่งมีสูงกว่าวิธี RT-PCR เนื่องจากความไวต่ำกว่า

จากที่เคยวิเคราะห์ธรรมชาติการระบาดทั่วโลกในกลุ่มประเทศที่ผ่านพีคของ Omicron (โอมิครอน) ไปแล้วนั้น ค่ามัธยฐานของจำนวนติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงกว่าพีคเดลตาราว 3.65 เท่า ทั้งนี้ไทยเรามีปัญหาหลักอยู่ที่ข้อจำกัดเชิงระบบบริการตรวจ ทำให้ตรวจได้ไม่มาก “ดังนั้นภาพรวมสุดท้ายในอนาคตอันใกล้นั้น น่าจะเห็นพีคไทยได้เท่าที่ตรวจ” แต่ขอให้เราตระหนักไว้ว่าธรรมชาติการระบาดของต่างประเทศเป็นดังที่กล่าวมา และต้องป้องกันตัวให้เคร่งครัด

เรื่องสำคัญที่ขอเน้นย้ำอีกครั้ง ที่ต้องทำตอนนี้มีอยู่เรื่องเดียวจริงๆ คือ “เปิดโหมด survival” สำหรับตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ได้ มุ่งเป้า”ไม่ติดเชื้อ” เพื่อที่จะไม่ต้องไปลุ้นเรื่องภาวะอาการคงค้างเรื้อรังหรือ Long COVID ซึ่งเสี่ยงต่อการเสื่อมสมรรถนะร่างกายและจิตใจในระยะยาว ทำให้ความสามารถในการดูแลตนเองลดลง ต้องพึ่งพิงคนอื่น หรือทุพพลภาพ จะทำเช่นนั้นได้ ไม่มีทางอื่นนอกจาก”การป้องกันตัว”

-หนึ่ง ใส่หน้ากากเสมอ เจอใครไม่ใส่ ก็”ชั่งหัวมัน” เพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเอาตัวรอด ใครรักชีวิตเสี่ยงก็เสี่ยงไป แจ็คพอตก็หวังว่าจะกล้าหาญพอที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายในอนาคต

-สอง เว้นระยะห่างจากคนอื่น ชีวิตจริงเวลาไปทำธุระ ไปทำงาน หรือใช้ชีวิตประจำวัน แม้เราจะระวัง แต่จะเจอเสมอที่คนอื่นๆ ที่เราพบปะนั้นจะเข้ามาคลุกคลีใกล้ชิดปานจะกลืนกิน ดังนั้นพอเห็นใครมาใกล้กว่าหนึ่งเมตร ขอให้ก้าวกระเถิบออกมาให้ห่างจากเค้า การทำเช่นนี้ ไม่ได้เสียมารยาท แต่เป็นการช่วยรักษาความปลอดภัยทั้งเราและเค้า เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าใครจะติดจากใคร นอกจากนี้พอเราทำเป็นตัวอย่างให้เห็น ก็จะเป็นการกระตุ้นให้คนอื่นเกิดการเรียนรู้ และเป็นบรรทัดฐานเวลาเจอกันยามระบาด

-สาม งดกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น ติดกันมานักต่อนัก มากมายรอบตัว ทั้งจากการกินข้าวในที่ทำงาน การนัดพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนฝูง หรืออื่นๆ หลายที่ก็มีนโยบายห้ามหรืองดกินข้าวร่วมกันในที่ทำงาน ให้แยกไปต่างคนต่างกิน ส่วนที่ไหนที่ทำไม่ได้ หรือใครทำไม่ได้ ก็ขอให้ตระหนักไว้ว่าเสี่ยงแน่นอน รอแจ็คพอตว่าจะเมื่อใดก็เท่านั้น จึงต้องอ่านข้อสุดท้ายคือข้อสี่ต่อไป

-สี่ หมั่นตรวจตราตนเองและสมาชิกในครอบครัว หากไม่สบายคล้ายหวัด ไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดหัว ไอ เจ็บคอ คัดจมูกน้ำมูกไหล แม้เล็กน้อย ก็จงตระหนักไว้ว่ามีโอกาสเป็นโควิด-19 (Covid-19) และจะนำพาไปสู่การระบาดในครอบครัว และที่ทำงานได้

ดังนั้นหากไม่สบาย ควรหยุดเรียนหยุดงาน แยกตัวจากคนใกล้ชิด ป้องกันตัว 100% และไปตรวจรักษาให้หายดีเสียก่อน เป็นความรับผิดชอบทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และสังคม หากท่าน และครอบครัวป้องกันตัวเต็มที่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ความเสี่ยงจะลดลงไปมาก และเป็นหนทางสู่โหมด survival

ย้ำอีกครั้งว่า Long COVID จะเป็นปัญหาหลักในอนาคต ตัวเลขแต่ละวันที่เห็นนั้นอาจไม่สะท้อนสถานการณ์จริงเพราะมีข้อจำกัดในเรื่องศักยภาพของระบบการตรวจ การติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันจึงน่าจะมากกว่าที่เห็น Long COVID ป้องกันได้ หากเราป้องกันตัว