หอการค้าไทยในจีน ชี้พรรคการเมืองในสภาต้องเร่งตั้งรัฐบาลโดยเร็ว ฟื้นความมั่นใจต่างชาติ

206
0
Share:
หอการค้าไทย ในจีน ชี้พรรคการเมืองในสภาต้องเร่ง ตั้งรัฐบาล โดยเร็ว ฟื้นความมั่นใจต่างชาติ

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงหรือไม่จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น และมีคำสั่งให้นายพิธา ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

นายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน มองว่าพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องต้องพยายามเดินหน้าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต่อไป โดยสิ่งนี้ต้องทำให้เร็ว และควรให้ความสำคัญกับเสถียรภาพของรัฐบาลควบคู่ไปด้วย เพราะรัฐบาลใหม่อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันนอกสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชุมนุมประท้วง โดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่อยากเห็นการลงถนนของผู้ที่เห็นต่าง เพราะจะส่งผลกระทบกับหลายสิ่ง อาทิ รายได้จากการท่องเที่ยวที่คาดหวังจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และจะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยเกิดยากขึ้น อีกทั้งในขณะนี้ ต้องเร่งสร้างความมั่นใจกับต่างประเทศ และปรับโหมดจากการติดกับดักทาง การเมือง ไปสู่มิติการพัฒนาเศรษฐกิจโดยเร็ว เพื่อพลิกฟื้นความมั่นใจของนานาประเทศและนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจไทย

โดยรัฐบาลใหม่ต้องมีความเป็นมืออาชีพให้มาก ไม่สร้างปัญหาใหม่ เพราะเรามีปัญหารุมเร้าในหลายด้าน หลายระดับมากพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การชะลอตัวของการส่งออก การปรับโครงการสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ การคอรัปชั่น ความหย่อนยานของระบบราชการ ปัญหายาเสพติด และสังคมที่เต็มไปด้วยความแยกแยกทางความคิด เป็นต้น พร้อมกันนี้ รัฐบาลใหม่ยังควรรับเอานโยบายที่ดีๆ ของแต่ละพรรคการเมืองมาคัดกรอง ปรับจูน และนำไปดำเนินการในเชิงรุก จะช่วยให้ประชาชนรู้สึกว่า เสียงของประชาชนได้รับการดูแล ลดขนาดของปัญหาและโอกาสที่จะขยายวงเป็นวิกฤต

“หากรัฐบาลใหม่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาของชาติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เดินหน้าปฏิรูปหลายองค์กรและระบบที่ประชาชนเรียกร้องมานาน ก็จะทำให้ 3-4 ปีจากนี้เป็นยุคทอง และสามารถหลุดพ้นจากกับดักที่มีอยู่ได้ ผมอยากเห็นรัฐบาลใหม่ที่ผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ทุ่มเททำงานเพื่อประเทศชาติ และจริงใจกับประชาชน เราติดกับดักทางการเมืองมานาน และหากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราก็เดินหน้าลำบาก หรือพัฒนาอย่างกระท่อนกระแท่น ประเด็นข้างต้นยังครอบคลุมถึงฝ่ายค้านและผู้ที่เห็นต่าง ถ้ารักชาติจริง ก็ควรหันมาทำงานอย่างสร้างสรรค์ แทนที่จะค้านในทุกเรื่องเพราะหัวโขนที่มีอยู่” นายไพจิตร กล่าว