หุ้นตรีทูต! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดลงเหวเกือบ 500 จุด น้ำมันดิบโลกปิดทรุดหลุด 79 ดอลลาร์

227
0
Share:
หุ้นตรีทูต! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดลงเหวเกือบ 500 จุด น้ำมันดิบโลกปิดทรุดหลุด 79 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 29,550 จุด -486 จุด หรือ -1.62% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,693 จุด -64 จุด หรือ -1.72% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,867 จุด -198 จุด หรือ -1.80% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดต่ำสุดครั้งใหม่ตั้งแต่ต้นปีนี้ และปิดหลุดระดับ 30,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายนผ่านมา ที่สำคัญดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดำดิ่งถึง -19.9% เมื่อเทียบกับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงผ่านมา ทำให้เฉียดใกล้ภาวะตลาดหมี หรือ Bear Market ที่ดัชนีหุ้นต้องทรุดหนักถึง -20% นอกจากนี้ระหว่างวัน พบว่าดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทรุดลึกสุดถึง -826 จุด

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งดำดิ่งถึง -4.00%, -4.65% และ -5.07% ตามลำดับ ส่งผลเป็นดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ที่ร่วงติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 5 ใน 6 สัปดาห์ผ่านมา

สาเหตุจากเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ผลการประชุมการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ทำสถิติการขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ที่ยาวนานในประวัติศาสตร์ของเฟด และเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 5 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีนี้ ส่งผลอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ระหว่าง 3.00-3.25% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจสถาบันการเงินล่มสลายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2018

นักวิเคราะห์ประเมินว่าอาจทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะขึ้นไปถึงระดับ 4.25-4.50% สิ้นสุดปีนี้ ที่สำคัญ เฟดส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวถึงระดับ 4.50-4.75% ในปี 2566

นอกจากนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 1% ขึ้นแตะระดับ 11.63 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 20 ปีครั้งใหม่ หลังจากที่เคยขึ้นไปถึงระดับ 110.79 ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐทะยานแข็งค่ามากถึง 16% ตั้งแต่ต้นปีนี้

ด้านผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 2 ปี พุ่งกระฉูดขึ้นแตะระดับ 4.163% ทำสถิติสูงสุดระหว่างวันครั้งใหม่ในรอบ 15 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2007 หรือนับตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสถาบันการเงินล่มสลายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2008 ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดที่ 4.137% ซึ่งยังคงกลายเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวอายุ 10 ปี พุ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 3.69% ทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2011 สะท้อนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดที่สูงขึ้น และทรงตัวในระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

ขณะที่ ตัวชี้วัดโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอี เฟดวอท์ช พบว่า ขณะนี้มีโอกาส 75% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% จากก่อนหน้านี้ที่มีโอกาส 25% นอกจากนี้ โอกาสขึ้นเป็น 17% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 1.00% ในการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะเกิดขึ้นในพฤศจิกายน และธันวาคม

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 78.74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -4.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -5.7% ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ 10 มกราคม หรือในรอบ 8 เดือน 2 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 86.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -4.31 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -4.8% ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ 13 มกราคม หรือในรอบ 8 เดือน 2 สัปดาห์ ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งดำดิ่งถึง -6% และ -7% ตามลำดับ ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน ทำสถิติเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งเข้าสู่ภาวะขายเกินปัจจัยพื้นฐาน

สาเหตุจากนักลงทุนมีความกังวลสูงมากกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่จะซบเซาหนัก ภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูงต่อเนื่อง การปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงต่อไปในอนาคต ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งทะยานสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 20 ปี

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,651 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -30.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -1.8% ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 4 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่อเมษายนปี 2020 เป็นต้นมา ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งแข็งค่ามากขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะ 2 ปี และ 10 ปี พุ่งสูงขึ้นทำสถิติครั้งใหม่ สะท้อนความกังวลอย่างรุนแรงมากขึ้นกับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอยรุนแรง