หุ้นพลิกฟื้น! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 180 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 72 ดอลลาร์

182
0
Share:
หุ้นพลิกฟื้น! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ พุ่งแรงกว่า 180 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 72 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,781 จุด +183 จุด หรือ +0.55% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,963 จุด +29 จุด หรือ +0.75% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,082 จุด +123 จุด หรือ +1.13% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 หยุดสถิติปิดในแดนลบถึง 5 วันทำการติดต่อกันเป็นผลสำเร็จ ซึ่งนับเป็นช่วงที่ดัชนีหุ้นดังกล่าวปิดในแดนลบยาวนานในรอบเกือบ 2 เดือน

สาเหตุจากตัวเลขชาวอเมริกันขอใช้สิทธิสวัสดิการช่วงว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นมาเป็น 230,000 คน เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ ทำให้นักลงทุนประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะยังคงอยู่ที่ 0.5% ในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่ออกมาดี ทำให้ลดความกังวลของนักลงทุนได้บ้าง

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.55 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.8% ส่งผลเป็นราคาน้ำมันดิบปิดต่ำสุดตั้งแต่ต้นปีนี้ หรือนับตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามรัสเซียกับยูเครน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 76.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.3% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวถึงเข้าสู่ภาวะถดถอย ตัวเลขเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ ได้แก่ ดัชนีภาคบริการตกต่ำมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ตามด้วยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ประกาศในวันจันทร์ผ่านมา ซึ่งล้วนปรับขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ยังคงส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง ได้แก่ ดัชนีภาคบริการ ตัวเลขการนำเข้า ตัวเลขการจ้างงาน ส่งผลกดดันธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจหวนกลับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นแรงกว่าที่คาดการณ์ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี เพิ่มสูงขึ้นเหนือกว่า 3% กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลกทั้ง 7 ประเทศ หรือกลุ่มจี 7 ประกาศการประกาศใช้มาตรการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดิบที่ขนส่งทางทะเลจากประเทศรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมนี้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,801.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +3.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +0.2% หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พบว่าทองคำล่วงหน้าปิดขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 4 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง สอดรับกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นที่กลับมาลดลง ขณะนี้ ตัวชี้วัดที่เรียกว่า เฟด ฟันด์ ฟิวเจอร์ หรือโอกาศการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.50% ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคมนี้อยู่ที่ 75%