หุ้นไทยปิดลง 7.54 จุด จากแรงเทขายหุ้นเอโอทีจากความกังวลนักท่องเที่ยวจีนฟื้นช้ากว่าคาด

ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทย ปิดวันนี้ที่ 1,406.61 จุด ปรับลง 7.54 จุด หรือ -0.53% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40,407.66 ล้านบาท โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งไซด์เวย์ในแดนลบ โดยดัชนีทำจุดต่ำสุด 1,400.48 จุด และทำจุดสูงสุดที่ 1,415.02 จุด

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ เคลื่อนไหวในแดนลบเนื่องจากตลาดไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่และนักลงทุนขายหุ้น อีกทั้งรับแรงกดดันหลักจากหุ้น AOT ร่วงจากความกังวลนักท่องเที่ยวจีนฟื้นช้ากว่าคาด และการขยายเวลาช่วยกลุ่ม King Power อาจส่งผลต่อกำไร ฉุดหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวลงตามด้วย

3 อันดับหลักทรัพย์ ที่มีการซื้อขายสูงสุดได้แก่
1. AOT มูลค่าการซื้อขาย 11,485.09 ล้านบาท ปิดที่ 62.25 บาท ลดลง 3.75 บาท
2. CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,197.42 ล้านบาท ปิดที่ 55.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
3. PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,121.74 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 0.50 บาท

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง โดยได้รับแรงกดดันหลักจากหุ้น AOT ร่วงไปกว่า 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท นักลงทุนกังวลจำนวนนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาด และประเด็นการขยายระยะเวลาชำระค่าผลตอบแทนให้กับกลุ่ม King power อาจกระทบต่อกำไรในงวดปีนี้ ซึ่งการปรับลงของหุ้น AOT ฉุดให้หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับลงตามไปด้วยเกือบทั้งกลุ่ม

ส่วนแนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์แกว่งออกข้าง ยังไร้ปัจจัยบวกเข้ามาหนุน เนื่องจากคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และเปิดการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามาด้วย โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,400 จุดและแนวต้าน 1,420 จุด

ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ขณะที่ในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยการรายงานตัวเลขจีดีพีค่อนข้างต่ำกว่าคาด แต่ตลาดได้ตอบรับไปแล้ว โดยมองว่าเศรษฐกิจผ่านช่วงแย่ที่สุดไปแล้วในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ซึ่งคาดว่าไตรมาส 4 จะกลับขึ้นมาได้ประมาณ 4% และปี 67 ทั้งปีคาดว่าจะเติบโต 3-4% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คาดว่าในระยะสั้น มองดัชนีเคลื่อนไหวที่แนวรับ 1,410–1,415 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด