เงินบิทคอยน์พุ่งทะลุว่า 47,000 ดอลลาร์ เป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หลังเทสล่าเข้าลงทุน

1352
0
Share:

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลในเอเชียเช้าวันนี้ 9 กุมภาพันธ์ 2564 เกิดแรงเข้าซื้ออย่างหนาตาและเป็นการซื้อต่อเนื่องจากคืนที่ผ่านมาที่ตลาดสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลา 8.29 น. (ตามเวลาสิงคโปร์) รายวานว่า เงินบิทคอยน์ ซึ่งเป็นเงินสกุลดิจิทัลที่มีจำนวน และมูลค่ามากที่สุดในสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด มีราคามากกว่า 47,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก โดยพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 47,565.86 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ +2.5% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หรือกว่า 1,474,541 บาท ทำสถิติมากกว่า 1.4 ล้านบาทเป็นครั้งแรกและสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในค่าเงินบาท ไท้เพียงเท่านั้น เงินบิทคอยน์ยังทำสถิติพุ่งขึ้นในรอบ 24 ชั่วโมงที่มากที่สุดในรอบมากกว่า 3 ปี
.
ก่อนหน้านี้ที่ตลาดเงินดิจิทัลในยุโรปที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบิทคอยน์มีราคาทะยานขึ้นปิดที่ระดับ 44,180.30 ดอลลาร์สหรัฐ พุ่งขึ้น 14% หรือกว่า 1,369,590 บาท ซึ่งทำสถิติราคาเงินบิทคอยน์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของคืนที่ผ่านมา และเป็นสถิติราคาพุ่งสูงรายวันที่มากที่สุดในรอบ 10 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
.
สาเหตุจาก เมื่อคืนที่ผ่านมา เทสล่า อินคอร์ปอเรชั่น ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก แจ้งไปยังสำนักงานกำกับหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา หรือก.ล.ตสหรัฐอเมริกาว่า ได้ลงทุนซื้อเงินสกุลดิจิตัลที่ทีมีชื่อว่า เงินบิทคอยน์ เป็นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 46,500 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์ความยืดหยุ่นในการกระจายสัดส่วน และสร้างผลตอบแทนจากเงินสดให้มีมูลค่ามากที่สุด
.
นอกจากนี้ เทสล่า เปิดเผยต่อไปว่า ยังเตรียมเริ่มยอมรับการใช้เงินสกุลบิทคอยน์ในการชำระ หรือซื้อผลิตภัณฑ์ของเทสล่าอีกด้วย ส่งผลให้เทสล่า กลายเป็นค่ายรถยนต์แห่งแรกของโลกที่ยอมรับการใช้เงินดิจิตัลในสกุลบิทคอยน์ เป็นเครื่องมือในการชำระ หรือทำธุรกรรมการเงิน
.
เงินบิทคอยน์เริ่มมีราคาพุ่งสูงขึ้นตั้งแต่แตะระดับ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว จากนั้นในเดือนมกราคมปีนี้ มีค่าแตะ 30,000 และ 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ในเช้าวันนี้ 9 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่มากกว่า 47,000 ดอลลาร์สหรัฐ
.
สาเหตุการเทขายเงินดิจิทัลอย่างรุนแรงในตลาดเอเชียเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคมที่ผ่านไปนั้น เกิดจากแรงส่งของการเทขายเงินบิทคอยน์ในตลาดเงินดิจิทัลในคืนที่ผ่านมาที่สหรัฐ ความกังวลในนโยบายการกำกับตลาดสกุลเงินดิจิทัลที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ซึ่งอาจทบทวนการกำกับตลาดเงินดิจิทัล นอกจากนี้ ว่าที่รัฐมนตรีหญิงกระทรวงการคลัง สหรัฐ นางเจเน็ท เยลเลน ได้แสดงความเห็นว่าเงินดิจิทัลอาจถูกนำไปใช้ในกิจกรรมการเงินที่ผิดกฎหมาย
.
ภาวะค่าเงินบิทคอยน์ที่มีราคาพุ่งทะยานอย่างรุนแรงต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 มาถึงเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2564 โดยมีผลตอบแทนพุ่งสูงถึง 1,000% นับตั้งแต่เดือนมีนาคมในปีที่แล้วจนถึงเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2564 ถูกมองว่าเป็นภาวะฟองสบู่ของเงินบิทคอยน์ นอกจากนี้ การส่งสัญญาณจากบรรดานักวิเคราะห์ว่า เงินดิจิทัลอาจเปิดการปรับฐานราคาเพื่อทำกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เนื่องจากเงินบิทคอยน์ทะยานจากราคา 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 620,000 บาท มาเป็น 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.24 ล้านบาท ภายใน 4 สัปดาห์ หรือใน 1 เดือนเท่านั้น
.
ทั้งนี้ ในปี 2020 หรือปี 2563 ค่าเงินบิทคอยน์ให้ผลตอบแทนกว่า 300% หรือเฉลี่ยเดือนละกว่า 25% นั่นหมายถึงให้ผลตอบแทนกว่า 5 เท่า นอกจากนี้ เฉพาะเดือนธันวาคม ค่าเงินบิทคอยน์ให้ผลตอบแทนทะยานกว่า 50% หรือเฉลี่ยวันละ 1.6% และมีราคาพุ่งผ่าน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2563 ส่งผลให้ค่าเงินบิทคอยน์เดือนธันวาคม ทำสถิติราคารายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2019 เป็นต้นมา