เทขายราคาน้ำมันดิบตลาดโลกดำดิ่งกว่า 2% ปิดหลุด 76 ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 75.33 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.6% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังเป็นราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 2 วันติดกันรวม -5.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.9%

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดร่วงลงแรงถึง -6%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 79.54 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.07 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.5% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังเป็นราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 2 วันติดกันรวม -5.64 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -6.7%

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ปิดร่วงลงแรงถึง -6%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากมีการคาดการณ์ว่าปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มสูงขึ้นถึง 12 ล้านบาร์เรล ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 เดือน กลุ่มโอเปกพลัสสามารถส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 1 ล้านบาร์เรล ทำสถิติเพิ่มขึ้นในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่มีปริมาณส่งออกต่ำสุด เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดิบลดลงภายในตะวันออกกลาง ขณะที่ตัวเลขส่งออกของจีนแผ่นดินใหญ่ชะลอตัวลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ สอดรับกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

เมื่อวันอังคารผ่านมา ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียมีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ โดยซาอุดิอาระเบียยังคงลดการผลิตวันละ 1 ล้านบาร์เรล และรัสเซียลดการผลิตวันละ 300,000 บาร์เรล ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวาคม

อย่างไรก็ตาม ความหวั่นกลัวสงครามจะขยายวงกว้าง ขณะที่สงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่รุนแรงต่อเนื่องจะกระทบต่อปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง