เพื่อไทยโพสต์ยันหนักแน่น จ่ายก้อนเดียวเงินดิจิทัล 10,000 หลังหนึ่งในทีมทำงานเศรษฐกิจ

159
0
Share:
เพื่อไทย โพสต์ยันหนักแน่น จ่ายก้อนเดียว เงินดิจิทัล 10,000 หลังหนึ่งในทีมทำงานเศรษฐกิจ

นายกิตติ ลิ่มสกุล รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า เงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่เงินบิทคอยน์ แต่เป็นเหรียญโทเคน (Token) ที่จะเป็นเหรียญ กระดาษ หรือคูปอง ก็ได้ ซึ่งเรียกว่า “สิทธิ” ที่เป็นเรื่องที่ทำได้ และถูกกฎหมายเป็นไปตามพรบ.ดิจิทัลฯ

ใครมาบอกว่าผิดกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย ยืนยันว่าไม่จริง เพราะไม่ใช่เหรียญของ ธปท. แต่มีเงินแบ็คอัพให้เหรียญนี้ ซึ่งเป็นเงินงบประมาณแผ่นดิน เหมือนกระเป๋าตังค์ โดยการบริหารจัดการสามารถปรับได้ เช่นการใช้เงินที่ให้ใช้ในรัศมีไม่เกิน 4 กิโลเมตรของคนที่ได้เงิน ก็สามารถปรับได้ เพราะเขียนด้วยบล็อกเชน เช่นประชาชนบางส่วนอยู่ในพื้นทีห่างไกล อยู่แถบภูเขา ก็สามารถขยายพื้นที่การใช้เงินให้ได้ สำหรับรัศมีครอบคลุมดังกล่าว อาจขยายให้ไปถึง 10 กิโลเมตรก็ได้

นายกิตติ กล่าวว่า เงินที่จะให้ 10,000 บาท อาจจะไม่ได้ให้ทีเดียวเลย คาดว่าอาจจะให้เป็นงวดๆ ประมาณ 2-3 งวด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทีเดียวเลย 10,000 บาท โดยอาจจะให้ 2 รอบ เช่นในช่วงจังหวะดีๆ อย่างเทศกาลสงกรานต์ แต่ก่อนสงกรานต์อาจมีก่อน 1 งวด เช่น 2,500 บาท จากนั้นให้รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจประเมินผล หากรายงานมาว่าได้ผลดี คนจับจ่ายซื้อของกันดี คนขายของก็เข้าสู่ระบบภาษี แบบนี้อาจให้อีกงวด 2,500 บาท แล้วเข้าเดือน เม.ย. ก็ให้ไปอีก 5,000 บาท ก็ครบ 10,000 บาท และระหว่างการทำต้องมีการบริหารกระแสเงินสดด้วย

คนที่มาวิจารณ์ว่าจะเจ๊ง ผมถามว่าจะเจ๊งได้ยังไง เพราะการทำเรื่องนี้ต้องมีเงินเข้ามา ถึงจะทำได้ หากงบยังไม่พร้อม ก็จะบอกประชาชนว่าขอให้รอก่อน ขัดข้องทางเทคนิคเล็กน้อย แต่ให้แน่นอน ก็จะอยู่ในช่วง ม.ค.-พ.ค. 2567 แต่มกราคมอาจไม่ทัน โดยรอบแรกน่าจะอยู่ในช่วง ก.พ. หรือ มี.ค. แต่สงกรานต์ได้แน่นอน และจะได้เยอะ

นายกิตติ ลิ่มสกุล รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปว่า ผลของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต สมมุติหากจ่ายไป 10,000 บาท จะเกิดคลื่น เหมือนโยนหินลงไปในน้ำ จะเกิดคลื่นหมุนเวียนกี่รอบ ที่ไม่ใช่จีดีพี เรื่องนี้อยู่ที่แต่ละคนจะมีหลักทฤษฎีในการคิดอย่างไร บางคนอาจบอกว่าจะเกิด 2-3 รอบ แต่ผมว่าไม่ใช่ แต่จะเกิดถึง 6 รอบ โดยคิดจากการบริโภคหน่วยสุดท้าย ( Marginal Propensity to Consume / MPC) ที่เท่ากับหนึ่งหารด้วยหนึ่งลบ เท่ากับ MPC เช่น มีเงิน 100 บาท จะใช้เงินเท่าใด ที่ประชาชนแต่ละกลุ่มจะใช้ไม่เหมือนกันอย่าง

คนรวยมีเงิน 100 บาท จะใช้ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นคนจน จะใช้มากกว่าอาจประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์เพราะคนรวยมีเม็ดเงินเยอะ จึงมีสัดส่วนของเงินที่มากกว่าที่จะนำไปใช้จ่ายได้ เพราะฉะนั้น ถ้าคนจนเยอะ แล้วอยู่ในจุด bottom หากใส่เงินเข้าระบบไป 1 บาท คนมีรายได้น้อยจะใช้เงินเกือบหมด แต่หากเป็นคนรวย จะใช้ไม่มาก แต่จะเก็บเยอะ แต่เราอยากให้เหลือน้อย เพราะอยากให้ใช้เยอะๆ การหมุนเวียนดังกล่าวหากใช้ดิจิทัลวอลเล็ต นักวิชาการบางคนบอกว่า จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตประมาณ3 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้ก็อยู่ที่จะมีตัวรั่วหรือไม่ เช่นสินค้านำเข้า เพราะคนรวย ก็จะนำสินค้าแบนด์เนมเข้ามา ทำให้ตัวรั่วเยอะ แต่คนมีรายได้น้อยก็จะซื้อของในประเทศ อย่างเราคาดว่าจีดีพีจะโตที่ 3-3.5 เปอร์เซ็นต์ แต่หากหลังมีการดำเนินการตามนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็อาจไปได้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่านโยบายดังกล่าว เพื่อไทยทำแน่ หากไม่แน่ ก็กลับบ้าน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ 3 กันยายน เฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย โพสต์ว่า กระแสข่าวแบ่งจ่ายเงินในนโยบาย Digital Wallet เป็นหลายงวด เป็นความเห็นส่วนตัวในเชิงวิชาการ พรรคเพื่อไทยยืนยัน 10,000 บาท “งวดเดียว” สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ กระตุ้นทั้งการบริโภค และการลงทุนทั่วประเทศ

ทั้งนี้ นายกิตติ ลิ่มสกุล เป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2541 มีผลงานในการร่วมทำนโยบายกองทุนหมู่บ้าน โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP เป็นต้น