เฟซบุ๊กคุมเข้มโพสต์ข้อความไม่เหมาะสม หลังเจอแห่ถอนโฆษณา

เฟซบุ๊กคุมเข้มการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสม หลังถูกแบรนด์ใหญ่แห่ถอนโฆษณา เนื่องจากไม่ควบคุมการเหยียดผิว
.
นายมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กออกมาแถลงระบุว่า เฟซบุ๊กจะเริ่มทำการติดแท็กแจ้งเตือนการโพสต์และข้อความที่ไม่เหมาะสมแล้ว ไม่เว้นแม้แต่โพสต์ของบุคคลสำคัญ หลังจากที่เฟซบุ๊กถูกบริษัทเจ้าของแบรนด์ยักษ์ใหญ่หลายแห่งแห่กันถอนโฆษณา
.
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีที่สหรัฐเผชิญกับกระแสต่อต้านการเหยียดผิวจากกรณีของจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งทวิตเตอร์ได้ใช้วิธีการแบนเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม รวมไปถึงข้อความที่ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีต แต่ตรงกันข้ามกับเฟซบุ๊กที่กลับนิ่งเฉยไม่จัดการใดๆกับข้อความที่มีลักษณะเดียวกันทั้งจากตัวผู้นำสหรัฐและนักการเมืองฝ่ายขวาหลายรายที่มีต่อเหตุการณ์ประท้วงต้านเหยียดสีผิว
.
ทำให้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบรรดาแบรนด์สินค้าดังทั้งเจ้าเล็กและเจ้าใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 บริษัท ประกาศไม่ซื้อหรือหั่นงบโฆษณาบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ “Stop Hate for Profit” อาทิ ยูนิลิเวอร์ เวอร์ริซอน เบนแอนด์เจอร์รีย์ และยีนส์ลีวาย ประกาศยุติการโฆษณาบนเฟซบุ๊กและแพลตฟอร์มอื่นตลอดช่วงเดือนกรกฎาคม
.
แต่โคคา-โคล่า ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าจะระงับการโฆษณาบนแพลตโซเชียลมีเดียทั้งหมดทั่วโลกเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งแม้ทางโค้กจะระบุว่าไม่ได้เข้าร่วมการบอยคอตอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด เป็นเพียงการหยุดโฆษณาชั่วคราวเท่านั้น
.
โดยกระแสบอยคอตโฆษณาของเฟซบุ๊กดังกล่าวทำให้หุ้นของบริษัทเฟซบุ๊กดิ่งลงถึง 8 จุด ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของนายมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์กหายไปถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาทร่วงมาอยู่อันดับ 4 ของเศรษฐีโลก