หอการค้าไทยมองมาตรการแจกเงิน 3500 บาทจะดันจีดีพีไทยปีนี้ให้โต 2.5% ได้

662
0
Share:

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มาตรการของภาครัฐที่ออกมาล่าสุด เพื่อเยียวยา และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ มองว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นและประคองเศรษฐกิจ จากผลกระทบรอบใหม่นี้ และมีโอกาสที่จะทำให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ถึง 2.5%
.
โดยได้ประเมินความเสียหายจากผลกระทบจากโควิด-19 รอบใหม่ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ 1.5-2 แสนล้านบาท และทำให้แนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะซึมตัวลง ส่งผลให้ หอการค้าไทยประเมินว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 2.2% เท่านั้น จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.8%
.
แต่มาตรการโอนเงินให้ประชาชน 3,500 บาท หรือรวม 2 เดือน 7,000 บาทต่อคนนั้นแม้ยังไม่เห็นกรอบชัดเจน ซึ่งมองว่าจะมีคนอย่างน้อย 10 ล้านคนที่ได้รับ และจะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างน้อย 70,000 ล้านบาท แต่หากมีคนลงทะเบียน 15 ล้านคน ก็จะมีเม็ดเงินเข้าไปถึง 1 แสนล้านบาท และเงินจะเข้าไปช่วยประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดหนัก ดังนั้นในมุมหอการค้าไทยจึงมองว่า ทุกเม็ดเงิน 70,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้นจีดีพีได้ถึง 0.4% และหากมีเม็ดเงินเข้าไปถึง 1 แสนล้านบาท จะทำให้มีโอกาสที่จีดีพีจะขยายตัวได้ถึง 2.5% ก็มีความเป็นไปได้
.
อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งม.หอการค้าไทยประเมินว่า จะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. ซึ่งภาครัฐจะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงมีการลงทุนของภาครัฐเพิ่มด้วย ขณะเดียวกันภาครัฐจะต้องมีมาตรการเพื่อช่วยการพยุงการจ้างงานของเอกชน การเติมสภาพคล่อง เป็นต้น