เวียดนามโตอันดับ 1 อาเซียน สวนไทยติดลบ 6.5%

ธนาคารการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี เปิดเผยว่า ภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียปี 2020 จะมีอัตราการขยายตัว หรือจีดีพีกระเตื้องเพียง 0.1% ซึ่งเป็นตัวเลขจีดีพีที่ปรับลดลงจากการคาดการณ์เดิมที่ 2.2% เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ส่งผลให้กลายเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1961 หรือในรอบ 59 ปีผ่านมา ในขณะที่ เอดีบีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะฟื้นตัวและขยายถึง 6.2% ในปี 2021 แต่ยังเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19
.
เอดีบี กล่าวว่า ภูมิภาคอาเซียนในปีนี้ จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจทรุดต่ำลงมากถึง -2.7% ก่อนที่จะฟื้นตัวและขยายตัวขึ้นในปีหน้าที่ระดับ 5.2% ในภาพรวมของอาเซียน จะพบว่ามีสาเหตุจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ที่ฉุดการบริโภค และการลงทุนในภูมิภาคตกต่ำ ได้แก่ อินโดนีเซียชะลอตัว -1.0% ฟิลิปปินส์ตกต่ำ -3.8% และไทยทรุดหนัก -6.5% ในขณะที่ประเทศเวียดนามจะเป็น 1 ใน 3 ประเทศในอาเซียนที่ยังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ เวียดนามไม่เพียงขยายตัวในปีนี้ที่ 4.1% แต่ยังเติบโตมากที่สุดอันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียนอีกด้วย อัตราการขยายตัวที่ 4.1% ถูกปรับลดลง 0.7% จากเดิมที่ระดับ 4.8%
.
เอดีบีเปิดเผยต่อไปว่า ภูมิภาคเอเชียใต้ ประกอบด้วย อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการระบาดจากโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงที่สุด จะมีตัวเลขจีดีพีปีนี้ตกต่ำ -3% จากเดิมที่ประเมินว่าจะอยู่ที่ 4.1% ส่วนในปี 2020 ถูกลดเป้าจีดีพีจากเดิมที่ 6.0% เหลือ 4.9% อินเดียจะมีเศรษฐกิจทรุดต่ำ -4% ในปีงบประมาณ 2020 ซึ่งจะสิ้นสุด 31 มีนาคม 2021 ในขณะที่ปีงบประมาณ 2021 จะขยายตัว 5.0%
.
ทั้งนี้ ตัวเลขจีดีพีในเอเชียกลางปี 2020 จะถดถอยลง -0.5% จากเดิมที่ประเมินว่าจะขยายตัวที่ 2.8% สาเหตุจากปัญหาการค้าระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบทั้งจากโรคระบาดโควิด-19 และสงครามการค้าที่ตอบโต้ด้วยภาษีนำเข้า รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ตกต่ำ ในขณะที่ปี 2021 จะกลับมาขยายตัวที่ระดับ 4.2% ด้านภาวะเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียปีนี้ได้รับการคาดการณ์ที่ระดับ 2.9% ซึ่งลดต่ำลงที่ระดับ 3.2% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบตกต่ำตลอดทั้งปีนี้ รวมถึงความต้องการในการบริโภคลดลง