เอกชนห่วงโหวตนายกฯ ไม่ตรงปก มองประชาธิปไตยต้องสะท้อนเสียงประชาชนจำนวนมาก

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่าการลงมติหรือโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 13 กรกฎาคม หากไม่เป็นไปตามที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมา จะมีผลกระทบอย่างแน่นอน หากไม่ได้ ก็มีโอกาสที่จะกระตุ้นให้กลุ่มที่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายรัฐมนตรี เกิดการรวมตัว จนเกิดสิ่งที่น่าห่วง หากมีการรวมตัวกันลงถนนและก่อให้เกิดความรุนแรง

ในแง่ความเชื่อมั่นรวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอลนิโญ หรือการส่งออกที่ยังติดลบ หากประเทศไทยยังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่ เศรษฐกิจไทยจะไม่มีการขับเคลื่อน ข้าราชการประจำคงไปขับเคลื่อนไม่ได้ จะส่งผลถึงการส่งออกไทยจะยิ่งแย่

ดังนั้น จึงเห็นว่าระบอบประชาธิปไตยต้องสะท้อนเสียงของประชาชนจำนวนมาก และควรจะเป็นไปตามสิ่งที่ประชาชนต้องการ

สำหรับความกังวลเรื่องงบประมาณรัฐบาลปี 2567 นั้น หากล่าช้าย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สาเหตุจากการใช้จ่ายจากภาครัฐถือเป็นเครื่องยนต์หลักของประเทศนอกจากการท่องเที่ยว ขณะที่การใช้จ่ายของเอกชนขณะนี้ค่อนข้างตึงตัว หากจะลงทุนเพิ่มเติมต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาล แต่ถ้ายังเป็นสถานการณ์ที่เลื่อนลอยก็จะไม่กล้าตัดสินใจลงทุนหรือลงทุนเพิ่มเติม

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อท. กล่าวต่อไปว่า ประชาชนเองก็มีปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ครั้งล่าสุด ก็ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องการใช้เงินงบประมาณของรัฐ โดยต้องการให้นำเงินดังกล่าวมากระตุ้นเศรษฐกิจ นำมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง