เอไอเอสสร้างรายได้กว่า 46,712 ล้านบาท ดันกำไรสุทธิ 6,757 ล้านบาท โตขึ้น 7.1%

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2566 แสดงรายได้รวมอยู่ที่ 46,712 ล้านบาท เติบโต 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 6,757 ล้านบาท ความสามารถในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถส่งมอบ EBITDA อยู่ที่ 22,636 ล้านบาท เติบโต 1.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคงระดับความสามารถในการทำกำไร EBITDA margin ที่แข็งแกร่งที่ 48.5%

สาเหตุจากในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณการกลับมาของกำลังซื้อของผู้บริโภค และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจภาพรวมจากการที่เงินเฟ้อเริ่มคลี่คลาย โดยเฉพาะการที่ภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ทำให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศถึง 6.5 ล้านคน ในขณะที่ผู้คนในประเทศเริ่มออกมาเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ส่งให้ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอไอเอส กล่าวต่อไปว่า ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีรายได้จากการให้บริการเติบโตขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน มีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมที่ 46.1 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 108,000 ราย ในขณะที่ 5G ซึ่งครอบคลุมกว่า 87% ของประชากร มีการใช้งานอยู่ที่กว่า 7.2 ล้านราย เติบโตขึ้นจาก 2.8 ล้านราย

ด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (AIS Fibre) มีรายได้เติบโตกว่า 11% จากไตรมาส 1 ปีก่อน และเติบโตต่อเนื่อง 4.3% จากไตรมาสก่อน มีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 99,000 ราย ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน และมีฐานลูกค้ารวมกว่า 2.3 ล้านราย

สำหรับธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรและธุรกิจอื่นอย่าง AIS Business ทำรายได้เติบโต 5.2% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และยังคงเป็นส่วนงานที่สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม องค์กรธุรกิจและ SMEs ไทยให้เติบโต อุ่นใจไปด้วยกัน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวทิ้งท้ายว่า จากผลประกอบการทำให้สะท้อนถึงเป้าหมายการทำงานที่ไม่เพียงมอบประสบการณ์ดิจิทัลให้คนไทย แต่ยังสร้างโอกาสการเติบโตในรูปแบบใหม่ๆ ให้หลากหลายอุตสาหกรรม พร้อมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจแบบร่วมกัน หรือ Ecosystem Economy นำโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม ตั้งแต่พาร์ตเนอร์ระดับท้องถิ่นไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย ไปจนถึงการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ระดับโลก