แก่หมดกระปุก ช็อกเกินครึ่งมนุษย์เงินเดือนไร้เงินเก็บ เกิน 60 ยังไม่รู้มีเงินพอหรือไม่

สภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับเงินรายได้น้อยที่สุดที่ต้องการในแต่ละปีหลังพ้นวัยเกษียณ ซึ่งทำการสำรวจจากกลุ่มคนวัยทำงาน หรือมนุษย์เงินเดือนทั่วโลก พบว่า เกินครึ่งหนึ่ง หรือ 55% ไม่มีเงินเก็บออมไว้พอเพื่อใช้หลังเกษียณ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือคนในกลุ่มนี้แทบไม่รู้เลยว่าจะมีเงินพอหรือไม่เมื่อวันเกษียณมาถึง

ปัจจัยจากค่าอายุขัยเฉลี่ยประชากรทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นจากอายุขัยเฉลี่ย 48 ปีในปี 1950 ขึ้นมาเป็นเฉลี่ย 73 ปีในปี 2019 นอกจากนี้ ตัวเลขอายุขัยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 81 ปีภายในปี 2100 หรืออีก 77 ปีข้างหน้า ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวเปิดเผยโดยองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเมื่อเร็วๆ นี้

ส่งผลให้ประชากรทั่วโลกเมื่อถึงวัยเกษียณในอนาคตจะต้องมีเงินเก็บสะสมเพื่อเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณเพิ่มมากกว่าเดิมที่เคยประเมินไว้ หากไม่สามารถหารายได้หรือเพิ่มสัดส่วนการเก็บออมได้อาจเกิดความเสี่ยงที่จะกลายเป็นบุคคลแก่ก่อนมีเงินมากพอเพียงได้

ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าวทำผ่านกลุ่มตัวอย่าง 397 คนในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรป ทวีปโอเชียเนีย ทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง ผู้ถูกสำรวจมี 90% เป็นกลุ่มจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีขึ้นไป แต่มีการกระจายตัวของกลุ่มอายุ ตั้งแต่ไม่เกิน 20 ปี จนถึงกลุ่มอายุมากกว่า 70 ปี

ผลสำรวจยังพบส่า หากแยกตามประเทศที่อาศัยอยู่ มนุษย์เงินเดือนหรือคนวัยทำงานจนถึงคนวัยชรา หรือหลังเกษียณมักจะอาศัยอยู่ในเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ อินเดีย จีน

สิ่งสำคัญต่อไป คือกลุ่มผู้ตอบแบบผลสำรวจนี้เปิดเผยว่า “ต้องการรายได้เท่าไหร่หลังเกษียณ?” มีดังนี้
• 9% ต้องการ 1 ส่วน 3 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
• 24% ต้องการ 1 ส่วน 2 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
• 38% ต้องการ 2 ส่วน 3 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
• 23% ต้องการเท่ากับรายรับสุทธิปัจจุบัน
• 6% ต้องการมากกว่ารายรับสุทธิปัจจุบัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มคนถึง 55% ยังไม่มีเงินเพียงพอ หรือยังไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเงินเก็บได้ถึงเป้าที่ตั้งไว้หลังเกษียณหรือไม่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี มีมากถึง 37% ที่ไม่เคยคำนวณจำนวนเงินเก็บว่าต้องมีเงินเก็บหลังเกษียณมากน้อยแค่ไหน

สภาเศรษฐกิจโลกแนะนำคนทำงาน หรือมนุษย์เงินเดือน ให้วางแผน 4 ข้อ คือ
1. เก็บเงินออมให้มากขึ้นตั้งแต่วันนี้
2. เกษียณให้ช้าลง
3. ยอมรับที่จะมีรายได้หลังเกษียณน้อยลง
4. ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เสี่ยงมากขึ้นแต่โอกาสได้ผลตอบแทนจะสูงขึ้น

สภาเศรษฐกิจโลก เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับการเตรียมเงินเก็บไว้ดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราด้วยนั้น พบว่า 1 ใน 3 หรือ 33% ของผู้ถูกสำรวจเห็นด้วยว่าจะต้องใช้เงินดูแลพ่อแม่ในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี ซึ่งมีถึง 45% คาดว่าตนเองจะต้องมีเงินเก็บเตรียมไว้ดูแลพ่อแม่ที่แก่เฒ่า สิ่งสำคัญ คือ คนในทวีปเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงคนเชื้อชาติอื่นที่ไม่ใช่คนผิวขาวในทุกทวีป จะมีค่าเฉลี่ยปัจจัยเรื่องการดูแลพ่อแม่มากกว่าคนอื่น