แซงทีวี! คาดเงินโฆษณาไหลเข้าสื่อธุรกิจขายปลีกแซงสื่อทีวีในอีก 5 ปีหน้า
กรุ๊ปเอ็ม (Group M) บริษัทมีเดียเอเจนซี่ในธุรกิจซื้อสื่อโฆษณาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เปิดเผยว่า รายได้เงินโฆษณาทั่วโลกในกลุ่มสื่อธุรกิจขายปลีกออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถูกคาดการณ์ว่าจะมีรายได้แซงรายได้เงินโฆษณาในสื่อดั้งเดิมได้แก่ โทรทัศน์ ภายในปี 2028
สำหรับมูลค่ารายได้ดังจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 125,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4.4 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 9.9% ภายในปีนี้ และมูลค่ารายได้ดังกล่าวจพเพิ่มขึ้นจนแซงรายได้เงินโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ในอีก 5 ปีจากนี้ไป ซึ่งจะมีส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 15.4% ของรายได้โฆษณาทั้งหมด
สื่อธุรกิจขายปลีก หรือ Retail Media กลายเป็นธุรกิจช่องทางโฆษณาที่เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นอันดับที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งตามหลังสื่อโฆษณาดิจิตอลนอกที่อยู่อาศัย หรือ OOH และสื่อโฆษณาเชื่อมต่อโทรทัศน์ หรือ CTV
สำหรับสื่อธุรกิจขายปลีกได้แก่ธุรกิจขายปลีกที่มีสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทั้งสินค้าของตนเองและสินค้าภายนอกธุรกิจตนเอง ได้แก่ อเมซอน อินคอร์ปอเรชั่น วอลมาร์ท อินคอร์ปอเรชั่น ทาร์เก็ต คาร์ฟู เทสโก้ เซนส์เบอรี ยักษ์ใหญ่ธุรกิจขายปลีกเหล่านี้ใช้กลยุทธ์เชิงรุกอย่างรุนแรงในการดึงดูดผู้ซื้อโฆษณาให้มาซื้อพื้นที่โฆษณาในสื่อออนไลน์ของธุรกิจขายปลีกเหล่านี้
สำหรับรายได้ของธุรกิจขายปลีกนั้น การได้แบรนด์สินค้าของผู้บริโภคมาลงโฆษณาในสื่อออนไลน์ของตนเอง ทำให้เกิดประโยชน์ทั้ง 2 ด้าน คือ ได้เงินรายได้จากค่าลงโฆษณา และได้รายได้จากการขายสินค้านั้น ทำให้มีการคาดว่ากำไรของธุรกิจขายปลีกจากช่องทางสื่อขายปลีกจะมีสูงถึง 90% ส่งผลกลายเป็นรายได้สำคัญอย่างมากเมื่อผลตอบแทนจากธุรกิจหลักได้รับผลกระทบด้านยอดขายสินค้าจากปัญหาค่าครองชีพของผู้บริโภคแพงขึ้น
สำหรับแบรนด์สินค้านั้น การเพิ่มช่องทางดิจิตอลโดยลูกค้าโดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้สื่อขายปลีกกลายเป็นที่ดึงดูดอย่างมาก นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสและทางเลือกให้กับผู้ลงโฆษณาในการผันเปลี่ยนจากการซื้อโฆษณาบนแพลทฟอร์มสื่อออนไลน์ เช่น กูเกิ้ล เฟสบุ๊ก
อเมซอน (Amazon) อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เป็นผู้บุกเบิกในธุรกิจสื่อขายปลีกด้วยรายได้จากธุรกิจดังกล่าวสูงถึง 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 406,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2022 เช่นเดียวกันกับวอลมาร์ท คอนเน็ค (Walmart Coonect) ที่อยู่ในเครือห้างวอลมาร์ท ทำรายได้ค่าโฆษณาสูงถึงเกือบ 30% หรือเป็นเงินถึง 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 94,500 ล้านบาทในปีงบประมาณบริษัทที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา
เซนต์เบอรี (Sainbury’s) กลุ่มธุรกิจเครือข่ายซุปเปอร์มาร์เก็ตที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ในสหราชอาณาจักร ได้ตั้งเน็คทาร์ 360 (Nectar 360) ซึ่งให้บริการทั้งโปรแกรมสิทธิประโยชน์ของลูกค้ารวมกับบริการด้านการตลาด ได้ทำงานร่วมกันกับแบรนด์สินค้าจำนวนมากกว่า 700 แบรนด์ คาดว่าจะได้รับผลกำไรมากกว่า 90 ล้านปอนด์สเตอริง หรือ 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3,955 ล้านบาทจากธุรกิจดังกล่าวภายในปี 2026
