แบงก์ชาติย้ำรัฐ-เอกชนต้องร่วมดูแลค่าเงินบาท

823
0
Share:

นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยใน Media Briefing สถานการณ์ค่าเงินบาทว่า ที่ผ่านมา ธปท.ยอมรับว่ากังวล และติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด และการดูแลค่าเงินบาท เป็นสิ่งที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ และเอกชน เพราะหากให้ธปท. ดำเนินอย่างเดียวนั้น อาจจำเป็นต้องใช้ยาแรงในการดำเนินการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.ไม่อยากดำเนินการ
.
สำหรับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจากการที่ประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวสูงกว่ารายจ่ายจากการนำเข้า ไม่ได้เป็นผลจากการเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติ สะท้อนจากตัวเลขการลงทุนของต่างชาติสุทธิทั้งปี 2562 ที่เป็นการไหลออก
.
แม้ช่วงที่ผ่านมา ธปท. ได้บริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป ผ่านการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์ และขายเงินบาท ซึ่งส่งผลให้เงินสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเงินทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้จากการค้าขายสินค้าและบริการกับต่างประเทศ หาก ธปท. ไม่ได้เข้าไปดูแล เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน
.
อย่างไรก็ตาม ธปท. เห็นว่าการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นเพียงแค่อาการของปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ คือ การเกินดุลการค้าต่อเนื่อง และการออกไปลงทุนในต่างประเทศที่ยังมีน้อย ดังนั้นการเข้าไปดูแลค่าเงิน รวมถึงนโยบายการคลังอื่น ๆ ในระยะสั้น ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากสังเกตประเทศอื่น ๆ ที่มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ค่าเงินไม่ได้แข็งค่าขึ้นเท่าไทย เนื่องจากมีการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น และยังช่วยลดความกดดันต่อค่าเงินได้ด้วย
.
ดังนั้นปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไขโดยทุกภาคส่วน สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเพิ่มการนำเข้าเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือลงทุนเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงการผลิต รวมถึงการลดแรงซื้อบาทจากภาคส่งออก เช่น การเก็บรายได้ไว้ในบัญชีเงินตราต่างประเทศ และการเพิ่มการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศของนักลงทุนสถาบันที่ยังมีสัดส่วนน้อยอยู่
.
อย่างไรก็ตาม ธปท. และภาครัฐยังคงติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาท และพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น โดยวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา เงินสำรองระหว่างประเทศในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 227,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.87 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูล