โพล D-Vote ชี้คนไทยรับเงินเงินดิจิทัลเอาไปใช้หนี้เป็นอันดับสองจ่ายประจำวันมาอันดับแรก

244
0
Share:
โพล D-Vote ชี้คนไทยรับเงิน เงินดิจิทัล เอาไปใช้หนี้เป็นอันดับสองจ่ายประจำวันมาอันดับแรก

ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักโพลศรีปทุม-ดีโหวต เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) ร่วมกับดีโหวต (D-vote) เปิดเผยผลการสำรวจประเด็น “คุณสนับสนุนให้มีโครงการเงินดิจิทัล 10000 บาทหรือไม่?” พบว่า เห็นแนวทางที่อาจสามารถลดปริมาณการกู้จากโครงการนี้ได้ เช่น การแบ่งเฟส โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ เน้นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยกว่า 40,000-50,000 บาท เพราะคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะนำเงินไปใช้จ่ายในสิ่งที่ขาด และทำให้เกิดตัวคูณทางเศรษฐกิจก่อนได้ระดับหนึ่ง

ต่อมาในระยะที่สองให้กลุ่มผู้มีรายได้มากกว่า โดยกลุ่มนี้อาจกำหนดหรือสนับสนุนให้ใช้ในการลงทุนหรือการรวมกลุ่มกัน เพื่อลดการใช้จ่ายกับสิ่งที่หาซื้อได้อยู่แล้วจนกลายเป็นเพียงการออมเงินที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถใช้เพื่อสนับสนุนการจัดการข้อกำหนดต่าง ๆ รวมถึงการวัดผลตัวคูณทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ สามารถทำได้ง่ายและโปร่งใส

สำหรับผลการสำรวจ พบว่า 49.53% สนับสนุนโครงการเงินดิจิทัล 10000 บาทหากสามารถทำได้โดยไม่ต้องกู้เงินต่อมา 33.86% สนับสนุนแม้ต้องกู้เงินมาทำก็ตาม ขณะที่ 12.09% ระบุว่าไม่สนับสนุน ไม่ว่าจะกู้หรือไม่กู้เงินมาทำก็ตาม ที่น่าสนใจอีก พบว่า เส้นระดับรายได้ของประชาชนที่มีแนวโน้มสนับสนุนโครงการนี้อยู่ที่ผู้มีรายได้น้อยกว่า 45,000 บาท

คำถามในหัวข้อว่า คุณอยากใช้เงินดิจิทัล 10000 บาท ทำอะไรมากที่สุด? กลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจแสดงความคิดได้ แม้รัฐบาลจะไม่ได้ประกาศว่าให้ใช้ในประเภทนั้นหรือไม่ก็ตาม และเลือกได้สูงสุด 3 ข้อ พบว่า 57.14% ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหาร จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ต่อมา 39.32% ไปชำระหนี้ ถัดมา 30.75% ซื้อของที่อยากได้ ต่อมา 24% ระบุว่าลงทุน หรือสร้างธุรกิจ ขณะที่ 18.91% นำเงินดิจิทัลไปแลกเป็นเงินสด (แม้จะต้องถูกเก็บค่าแลกก็ตาม) อีก 16.36% ซื้ออุปกรณ์ทำงาน เช่น ปุ๋ย เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ มีเพียง 8.74% ระบุว่าท่องเที่ยว และ 6.50% ระบุว่ารวมเงินกับคนอื่นๆ มาพัฒนาชุมชน เช่น สร้างแหล่งน้ำ”

สำหรับคำถามที้ว่าหากรัฐเปิดให้นำเงิน 10,000 ของคุณไปรวมกับคนอื่น บางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้ เพื่อให้ได้ก้อนที่ใหญ่มากขึ้นได้ คุณมีแนวโน้มจะทำหรือไม่? 40.23% ระบุว่าทำ โดยจะรวมกับครอบครัว เช่น นำไปสร้างธุรกิจ สร้างบ้าน ต่อมา 21.97% ระบุว่าไม่ทำ จะใช้คนเดียว ต่อมา 15.54% ระบุว่าทำ จะรวมกันภายในชุมชน เช่น นำไปทำโครงการในชุมชน สร้างวิสาหกิจชุมชน ขณะที่ 14.96% ระบุว่าทำ จะรวมกับเพื่อนหรือหุ้นส่วน เช่น นำไปสร้างธุรกิจ

ทั้งนี้ ผลการสำรวจดังกล่าวทำสำรวจระหว่างวันที่ 15 – 23 ต.ค. 2566 ในกลุ่มประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยกระจายทุกช่วงอายุ ภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และระดับรายได้ทั่วประเทศ จำนวน 1,158 ตัวอย่าง