โรงแรมทั่วไทยปิดชั่วคราวแค่ 1% พบเกินกว่า 70% ยังไม่มีรายได้กลับเกินครึ่ง

276
0
Share:

สมาคมโรงแรมไทย หรือ THA เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรม hotel business operator sentiment index หรือ HBOSI เดือนมิถุนายน 2565 พบว่าโรงแรม 88% เปิดกิจการเป็นปกติ ขณะที่มีโรงแรม 10% เปิดให้บริการบางส่วน และมี 1% ที่ยังปิดกิจการชั่วคราว ซึ่งส่วนนี้เป็นโรงแรมที่ปิดให้บริการมามากกว่า 6 เดือน และคาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น โรแรมที่เปิดให้บริการแล้วมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ 38% ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม 2565 ที่มีอัตราเฉลี่ย 36%

การเข้าพักในโรงแรมเพิ่มขึ้นในเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้นโรงแรมในภาคใต้และภาคตะวันออกที่ปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นและผลของมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่สิ้นสุดลง โดยภูมิภาคที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงสุด คือ ภาคกลาง 42.5% รองลงมาคือ ภาคตะวันออก 41.8% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 38.5% ภาคใต้ 34.5% และภาคเหนือ 30.5%

อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยจะปรับเพิ่มสูงขึ้นได้ถึงประมาณ 40% ในเดือนกรกฎาคม 2565 นี้ เป็นผลจากมาตรการยกเลิก Thailand Pass สำหรับชาวต่างชาติ และการขยายสิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 4 และโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” ที่เริ่มในเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2565 นี้

นอกจากนี้ ยังประเมินด้วยว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นจะมากกว่า 50% โดยเฉพาะโรงแรมขนาดใหญ่ ขณะที่อุปสรรคสำคัญในการดำเนินธุรกิจ คือ ต้นทุนที่สูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงาน

ด้านรายได้ของโรงแรม พบว่าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในภาพรวมยังคงมีรายได้อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับก่อนโควิด โดย 74% ยังมีรายได้กลับมาไม่ถึง 30% และ 68% มีรายได้กลับมาไม่ถึง 50% อย่างไรก็ดี โรงแรมที่รายได้กลับมาแล้วเกินครึ่งหนึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 32% จากเดือนก่อนที่มี 26%

สำหรับกลุ่มลูกค้านั้น พบว่าลูกค้าของโรงแรมส่วนใหญ่ยังคงเป็นลูกค้าชาวไทย แต่เริ่มมีลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้น สะท้อนจากโรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% ทยอยเพิ่มขึ้นหลังมีการผ่อนคลายมาตรการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชียและตะวันออกกลาง รองลงมาคือ ยุโรปตะวันตก

นอกจากนี้ ยังพบว่าโรงแรม 28% มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่มีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 40-60% โรงแรม 44% มีสภาพคล่องใกล้เคียงกับเดือนก่อน ขณะที่โรงแรมที่มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือนมีสัดส่วนลดลงมาอยู่ที่ 39% กลุ่มที่มีสภาพคล่องน้อยกว่า 1 เดือน มีสัดส่วนอยู่เพียง 7%

ด้านการจ้างงาน เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโรงแรมจ้างงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 71.2% ของการจ้างงานเดิมก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 สอดคล้องกับอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการจ้างพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะทยอยเข้ามาหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจโรงแรมยังมองว่าปัจจัยลบที่ยังคงมีอยู่ คือ ปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการโดยสารเที่ยวบินระยะไกล ประกอบกับธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ต้องดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมง จึงจำเป็นต้องเตรียมพนักงานไว้เพื่อรองรับการให้บริการทุกช่วงเวลา ทำให้แบกรับภาระต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนหรือดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายมีจำนวนสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นสวนทางรายได้