ไทยออยล์น้ำมันรั่วกดดันราคาหุ้นร่วง คาดค่าใช้จ่ายพุ่งกว่าเดิมกระทบเดินเครื่องโรงกลั่น

จากกรณีคืนเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 66 เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากเรือบรรทุกน้ำมัน ขนถ่ายน้ำมันดิบที่ทุ่นผูกเรือกลางทะเลหมายเลข 2 (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันของ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งบริษัทได้เข้าควบคุมสถานการณณ์ด้วยการปิดวาล์วท่อน้ำมันและวางทุนล้อมคราบน้ำมัน พร้อมยืนยันว่าไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้ว

ซึ่งจากเหตุน้ำมันรั่วระหว่างขนถ่ายเข้าโรงกลั่นของ บมจ. (TOP) บริษัทยังประเมินตัวเลขผลกระทบไม่ได้ แต่โบรกฯคาดจะกระทบการดำเนินงานของโรงกลั่น ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการปิดแท่นขนถ่ายน้ำมัน รวมถึงมีค่าใช้จ่ายขจัดคราบน้ำมัน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม

โดยวานนี้ 4 ก.ย. 66 ราคาหุ้น TOP ปิดตลาดร่วง 5.34% อยู่ที่ 48.75 บาทต่อหุ้น แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน มูลค่าซื้อขายสูดสุดในตลาดอยู่ที่ 3,564 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ในขณะนี้ แต่คาดว่าจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในหลายประเด็น ทั้งการเดินหน้าของโรงกลั่น เพราะจุดขนถ่ายน้ำมันที่เกิดเหตุ เป็นแท่นรับน้ำมันหลักของ TOP จากเรือขนาดใหญ่ แต่หลังจากนี้ทำให้ต้องปรับไปใช้แท่นอื่นที่รับได้เฉพาะเรือขนาดเล็ก ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนถ่ายจากเรือใหญ่ไปเป็นเรือเล็กก่อนส่งน้ำมันดิบเข้าโรงกลั่น ซึ่งถือเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งที่จะกดดันค่าการกลั่นได้ อีกทั้งหากมีการหยุดใช้แท่นที่เกิดเหตุ SBM-2 เป็นระยะเวลายาวนาน ก็อาจเกิดปัญหาในการขนส่งน้ำมัน และการเดินเครื่องของโรงกลั่นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทาง TOP จะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามจริง และจะทำการดำเนินการเคลมประกันจากบริษัทประกัน ซึ่งหากเคลมได้ในไตรมาสใดก็จะบันทึกกลับไปเป็นรายได้พิเศษ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการก่อน เนื่องจากยังไม่สามารถระบุตัวเลขผลกระทบได้ชัดเจน แต่เชื่อว่าต้องมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้นหาก SBM-2 ยังไม่สามารถกลับมารับน้ำมันจากเรือขนส่งได้ปกติ คาดจะกระทบต่อการดำเนินงานอยู่ รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับในการขจัดน้ำมัน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมน่าจะเป็นความกังวลที่สำคัญจากนี้ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่กดดันราคาหุ้นในช่วงสั้น จนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลาย