ไทยแล้งสุดรอบ 60 ปี
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เปิดเผยว่าได้มอบนโยบายการขับเคลื่อนการทำงานของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ ควบคุมวิกฤตน้ำในภาวะรุนแรง หรือคาดการณ์ว่าจะรุนแรง (ระดับ3) และเพื่อให้พื้นที่เสี่ยงภัยแล้งให้อยู่ในวงจำกัด
.
โดยปัจจุบันข้าวลุ่มเจ้าพระยา ที่กระทรวงเกษตรฯ ประกาศไม่มีน้ำสนับสนุนการทำนา ขณะนี้ปลูกแล้ว 3 ล้านไร่ หากสนับสนุนน้ำต้องใช้น้ำประมาณ 1,000 ล้านลบ.ม. หากมีความต้องการจริงกรมชลประทานก็สามารถจัดสรรให้ได้แต่ต้องดึงน้ำที่จะใช้เดือนก.ค. ใช้ไปก่อน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการอุปโภคและบริโภคในช่วงต้นฤดูฝน หากทุกฝ่ายยอมรับความเสี่ยงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกรมชลประทานก็พร้อมดำเนินการเพราะในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 4,000 ล้านลบ.ม. แต่เมื่อถึงสิ้นเดือนเม.ย. จะต้องเหลือน้ำ 2,000 ล้านลบ.ม. เพื่อสำรองไว้ช่วงต้นฤดูฝน
.
ดังนั้นการนำน้ำเพื่อไล่ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ต้องผันจากแม่กลองเข้ามาช่วย แต่ยังพบว่ามีน้ำหายไประหว่างทาง กว่า 50% แม้ว่าจะประสานขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัด และฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติแล้วก็ตาม
.
ด้านนายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. กล่าวว่า ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดใน 60 ปี เป็นอันดับ 2 รองจากปี 2522 แม้ปริมาณน้ำที่ใช้การได้ในช่วงต้นฤดูแล้ง จะใกล้เคียงกับปี 2558 คือ 5,100 ล้านลบ.ม. แต่ความต้องการใช้น้ำและปริมาณน้ำที่สูญหายมีมากกว่า และภัยแล้งจะหนักมากในเขตภาคกลางที่ไม่มีน้ำอยู่เลย
.
ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมืออย่างจริงจังให้ใช้น้ำที่มีอยู่อย่างประหยัด ที่เป็นห่วงคือน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค และระบบนิเวศเป็นหลัก ส่วนน้ำเพื่ออุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะมีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง แต่ต้องสำรองน้ำไว้ใช้ช่วงต้นฤดูฝนด้วย เพราะปีนี้ฝนจะมาช้า ทำให้การทำนาปี 2563/2564 ต้องล่าช้าออกไป
.
ขณะนี้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ยังทำหน้าที่ควบคุมวิกฤตน้ำในภาวะรุนแรงในระดับ 2 หากมีเกณฑ์เสี่ยงที่คาดว่าจะเข้าขั้นวิกฤตระดับ 3 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องนั่งบัญชาการตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ซึ่งจะทำงานภายใต้พ.ร.บ.น้ำเต็มรูปแบบ หากพบลักลอบสูบน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรเกินความจำเป็น ออกประกาศตามมาตรา 88 หรือคำสั่งจัดตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ ตามมาตร 24 แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 หากเกิดกรณีวิกฤตตามลำดับ ซึ่งอาจมีโทษสูงถึงจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับต่อไป
