ไอเอ็มเอฟมองเศรษฐกิจเอเชียเผชิญซบเซาพ่วงเงินเฟ้อสูง

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟเปิดเผยว่า ประเทศในทวีปเอเชียต้องเผชิญกับสภาวะ Stagflationary จากผลกระทบของสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งทำให้ราคาสินค้าต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงักลง เศรษฐกิจเอเชียซบเซา

นางแอนน์-มารี กูลด์-วูล์ฟ รักษาการผู้อำนวยการแผนกเอเชียและแปซิฟิกของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียเผชิญกับอนาคตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยจะมีการเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มสูงขึ้น
แนวโน้มของเศรษฐกิจเอเชียเป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไอเอ็มเอฟได้เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยมีการปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจในเอเชียลงเหลือ 4.9% อันเป็นผลจากการชะลอตัวของเศษฐกิจจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องกับเศรษฐกิจอื่นๆ ที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด

ไอเอ็มเอฟ ระบุต่อไปว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.2% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมกราคม อย่างไรก็ดีเอเชียยังถือเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตมากที่สุดในโลก และเป็นแหล่งสำคัญของการเติบโตทั่วโลก

การทำสงครามของรัสเซียที่มีต่อยูเครน รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ได้ส่งผลให้ราคาอาหารและพลังงานทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางของประเทศใหญ่ๆ กำลังจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อประเทศที่มีภาระหนี้สูง

ทั้งนี้ ความแตกต่างของแนวโน้มทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียแตกต่างกันไป ขึ้นกับการพึ่งพาพลังงานนำเข้าและการเชื่อมโยงกับจีนของประเทศต่างๆ โดยการเติบโตของประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในออสเตรเลียมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย