AOT ทุ่ม 36,000 ล้าน ลงทุนปี 67 เล็งทุบตึกสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ พลิกโฉมดอนเมือง

152
0
Share:
AOT ทุ่ม 36,000 ล้าน ลงทุน ปี 67 เล็งทุบตึกสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ พลิกโฉม สนามบินดอนเมือง

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิในปี 2567 เพื่อรองรับการกลับมาของผู้โดยสารหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 ว่า คาดว่าผู้โดยสารในปีนี้ จะกลับมาที่ 65 ล้านคนต่อปี สำหรับสนามบินสุวรรณภูมินั้น AOT มีแผนที่จะเดินหน้าขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันออก (East Expansion ) ซึ่งอยู่ในระหว่างการปรับแบบ คาดว่าจะได้ประมูลโครงการในเดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นจะศึกษาการขยายด้านตะวันตก และการดำเนินเทอร์มินอลใหม่ๆ ทั้งฝั่งใต้และฝั่งเหนือ เพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปี

โดยนอกจากแผนการพัฒนาพื้นที่ในการขยายฝั่งตะวันออกแล้ว ยังต้องพัฒนาพื้นที่อาคาร SAT 1 ในส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้มากขึ้น ปัจจุบันเรามีสายการบินใช้บริการ 18 สายการบิน ปริมาณไฟล์ทต่อวันคือ 50 ไฟล์ทต่อวัน ต้องไปให้ถึงจุดที่รองรับ 120 ไฟล์ทเป็นอย่างน้อย ต้องเพิ่มไฟล์ทให้ผู้บริการมั่นใจ ถ้าเรามีไฟล์ทเข้า ผู้โดยสารก็มา ร้านค้าเองก็มั่นใจมาเปิดบริการ ซึ่งเราพยายามที่จะนำเที่ยวบินที่ตกรีโมต คือ ยังต้องใช้บัสรับผู้โดยสารเข้าอาคาร ซึ่งมีอยู่ราว 120 ไฟล์ทต่อวัน เข้ามาใช้บริการให้หมด

สำหรับพื้นที่สนามบินดอนเมืองนั้น ตอนนี้ทีมที่ปรึกษาได้ออกแบบดอนเมืองเฟส 3 ไปแล้วประมาณ 60% จะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคมปีนี้ โดยจะทำอาคารระหว่างประเทศใหม่ ใช้พื้นที่ในประเทศเก่า ทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่ให้หลุมจอดเพียงพอ จากนั้นจะปิดอาคารเทอร์มินอล 1 ชั่วคราว เพื่อปรับปรุงและยุบรวมกันเป็นเทอร์มินอล 1-2 ตั้งเป้ารองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบัน 30 ล้านคนต่อปี คาดว่าปลายปีจะได้ประมูลและอยากให้ตอกเสาเข็มได้ในต้นปี 2568

นอกจากนี้จะสร้าง Junction Building ระหว่างจุดที่เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดง เพื่อเข้าระหว่างอาคารระหว่างประเทศและในประเทศ โดยจะเป็นอาคารให้บริการเชิงพาณิชย์ มีร้านค้า ร้านอาหาร ให้ใช้บริการก่อนไปบิน โดยมีเอกชนเป็นผู้ดำเนินการ สัมปทาน 30 ปี และยังมีแผนการทำสะพานทางออกเชื่อมต่อกับ โทล์เวย์ ดอนเมืองได้เลย เพื่อลดความแออัดจากรถที่ออกจากสนามบินไปสู่ถนนวิภาวดีรังสิต ทั้งหมดอยู่ในวงเงินงบประมาณ 36,000 ล้านบาท