FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนร้อนแรงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากวัคซีนหนุน

680
0
Share:

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือน ก.พ.64 พบว่า ดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 152.19 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.8% จากเดือนก่อน ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม นักลงทุนคาดหวังการคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 จากการที่ไทยได้รับวัคซีนล็อตแรกเป็นปัจจัยหนุนหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
.
สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ
.
ทั้งนี้ FETCO Investor Confidence Index ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พ.ค.64) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120 -159) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.8% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 152.19
.
ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” กลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
.
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)
.
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดเหล็ก (STEEL)
.
ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายจากการได้รับวัคซีน
.
ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

.

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ FETCO กล่าวว่า ปัจจัยที่จะสนับสนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ดีที่สุดจะเป็นเรื่องของการคลี่คลายการระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการนำเข้าวัคซีนในล็อตแรก โดยหากให้บริษัทเอกชนเข้ามาร่วมจัดหาวัคซีนด้วยก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพราะการที่ได้วัคซีนมาเร็วจะทำให้ประชาชนมีภูมิคุ้มกันเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลที่ดีต่อการเปิดประเทศในอนาคต รองลงมาจะเป็นเรื่องของการไหลเข้ามาของเงินทุน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
.
ขณะที่ปัจจัยที่จะลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะเป็นเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ และปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ยังคงต้องจับตามองปัจจัยจากต่างประเทศ ทั้งในสถานการณ์โควิดและวัคซีนในแต่ละประเทศ รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
.
ทั้งนี้ ในเดือน ก.พ.64 SET index มีความเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,478.05-1,523.11 โดยมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 63 หดตัว -6.1% จากผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ทำให้อุปสงค์ภายนอกประเทศทั้งการส่งออกสินค้าและบริการในภาพรวมยังคงอ่อนแอ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง และในช่วงปลายเดือน FTSE Russell ประกาศลดสัดส่วนหุ้นไทยในการคำนวณดัชนี
อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนโดยรวมยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการ QE อัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง การมาถึงของวัคซีน”ซิโนแวก” ลอตแรก และการที่มีนักลงทุนรายใหม่เปิดบัญชีเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์จำนวนมากเกือบแสนบัญชีเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ OR ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
.
ณ สิ้นเดือน ก.พ. SET Index ปิดที่ 1,496.78 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.03% จากเดือนก่อนหน้า
ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การทยอยคลาย Lock Down ในหลายประเทศในยุโรปและอเมริกาหลังจากประชาชนได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และผลการประชุมของ 3 ธนาคารกลางหลัก (Fed, ECB และ BoJ) หลัง Bond Yield ในหลายประเทศปรับตัวสูงขึ้น
.
ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ กระบวนการแจกจ่ายวัคซีน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในวาระสามซึ่งหากไม่ได้รับความเห็นชอบ อาจส่งผลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองอีกครั้ง