กมธ.คมนาคม ค้านต่อสัญญาบีทีเอส 30 ปี ยันค่าโดยสารแพง – ยังไม่เห็นประโยชน์ของสัญญา

860
0
Share:

นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ หรือ กมธ. การคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประชุมกรณีต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า หลังจากกระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. ได้เข้าชี้แจงให้รายละเอียดข้อมูลการต่ออายุสัมปทานและเหตุผลที่คณะรัฐมนตรี และมีมติไม่ให้ผ่าน
.
กมธ.เห็นว่า เป็นข้อมูลที่ยังขัดแย้งและไม่ตรงกัน โดยเฉพาะประเด็นคำถามเรื่องอัตราค่าโดยสารที่สูงถึง 65 บาท ว่าใช้ฐานข้อมูลอะไรในการคิดค่าโดย กทม.ได้ชี้แจงอ้างว่าประชาชนสามารถรับภาระนี้ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ทั้งยังพบปัญหาเรื่องค่าตั๋วร่วมที่ต้องมีการบูรณาการให้เป็นไปตามมาตรฐาน และลดค่าแรกเข้าของระบบคมนาคมทุกสายที่ไม่ต้องเสีย แต่กลับยกเว้นสายสีเขียว จึงสอบถามว่าทำไมถึงมีการจัดการที่ไม่เหมือนสายอื่น ประกอบกับ กทม.ได้ชี้แจงว่าไม่สามารถแบกรับภาระหนี้ได้ จึงต้องขอร่วมกับเอกชน ซึ่งความเป็นจริงระบบขนส่งสาธารณะ รัฐต้องแบกรับทั้งหมดและหาเงินทุนให้
.
กมธ.จึงสอบถามไปยังกระทรวงการคลังว่าเหตุใดรัฐไม่แบกรับภาระรถไฟฟ้าสายสีเขียว และหาแหล่งเงินกู้ให้กทม. ซึ่งภายใน 9 ปี หากแบ่งเป็นปีละ 5 พันล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียวก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ทำไมต้องนำไปให้เอกชนลงทุน ทำไมไม่ลงทุนเอง ทั้งที่เป็นสายหลักที่วิ่งผ่านใจกลางเมือง แต่กทม.ยังชี้แจงกลับมาไม่ชัดเจน และยังเสนอข้อมูลไม่ครบถ้วน
.
นอกจากนี้ กมธ.ยังได้สอบถามไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เรื่องการแก้ไขสัญญาที่เป็นสาระสำคัญและเป็นไปตามคำสั่งคสช. มาตรา 44 ให้เอกชนดำเนินการ 30 ปี ทำให้เหมือนเกิดสัญญาใหม่ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม กมธ.เห็นว่าข้อมูลที่ชี้แจงยังไม่สมเหตุสมผลในการต่อสัมปทาน โดยเฉพาะผู้ชี้แจงทางกทม.ได้ให้ข้อมูลมาไม่ครบถ้วนและไม่ตรงประเด็น กมธ.จึงยังเห็นว่าไม่ควรต่อสัญญา โดยจะรอให้กทม.ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง
.
อย่ายกของดีให้เอกชน รัฐต้องเป็นฝ่ายเก็บเอาสิ่งดีๆให้ประชาชน ส่วนของไม่ดีนั้นให้อยู่ที่ข้อตกลง ผมยังไม่เห็นว่าการต่อสัญญาสัมปทานครั้งนี้ประชาชนจะได้ประโยชน์ มีแต่ภาระให้ประชาชน การที่จะแก้ไขปัญหาโดยให้เอกชนแบกรับภาระหนี้ ถามว่าทำไมรัฐไม่แบกรับภาระหนี้เอง แล้วให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นของกทม.