กสิกรมองสวนสภาพัฒน์ คาดจีดีพีไทยปีนี้ติดลบไม่ต่ำกว่า 7%

496
0
Share:

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงายว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/2563 หดตัวดีกว่าที่ตลาดคาดที่ -8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ที่ฟื้นตัวดี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้า หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศรวมถึงไทย
.
โดยภาพเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ที่หดตัวน้อยกว่าคาดมาจากแรงหนุนของการส่งออกที่หดตัวน้อยกว่าที่ประเมิน ทางศูนย์วิจัยจึงได้มีการปรับประมาณการส่งออกในปี 2563 มาอยู่ที่ -7 % ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุนก็ขยายตัวดีกว่าคาด
.
นอกจากนี้ แม้ว่าในไตรมาสที่ 3 จะเป็นช่วงรอยต่อการสิ้นสุดมาตรการภาครัฐที่ช่วยเหลือเยียวยา 5,000 บาท ต่อเนื่อง 3 เดือน ในโครงการ ‘เราไม่ทิ้งกัน’ แต่การใช้จ่ายครัวเรือนก็มีปรับตัวอย่างมากจากไตรมาสที่ 2 แม้ว่าจะยังหดตัวอยู่ก็ตาม เป็นการสะท้อนแรงหนุนจากความต้องการที่สะสมมาจากช่วงก่อนหน้า หลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศ
.
โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4/2563 คาดว่าจะยังหดตัวอยู่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 3 ท่ามกลางมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายครัวเรือนของภาครัฐเป็นปัจจัยสนับสนุน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวไม่ต่ำกว่า -7 %
.
ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ยังคงเผชิญปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ จากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก แรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ได้แก่
.
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรุนแรงขึ้นมากในสหรัฐฯ และยุโรป และนำมาสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกรอบในหลายประเทศในยุโรป แม้ว่าจะมีข่าวดีจากความคืบหน้าอย่างมากในการทดลองวัคซีนโควิด19 ซึ่งตลาดเงินได้ตอบสนองต่อปัจจัยบวกนี้ไปมาก
.
แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังมีมุมมองต่อการเข้าถึงวัคซีนในระดับประชากรโลกว่าจะเกิดขึ้นไม่เร็วไปกว่าช่วงปลายปี 2564 เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงวัคซีนของประชากรโลกทั้งในเรื่องการขนส่งที่ต้องใช้อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส ความยินยอมรับเข้ารับวัคซีน และระยะเวลาที่วัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน
.
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงสูง โดยการเปลี่ยนผ่านการบริหารประเทศของสหรัฐฯ อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวิกฤตโควิดในสหรัฐฯ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อแตะระดับ 2 แสนคนต่อวัน ในขณะที่การดำเนินมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังอยู่ภายใต้อำนาจบริหารของประธาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะหมดวาระบริหารอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2564
.
นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯ มีความเป็นไปได้สูงว่า พรรครีพลับลิกันจะยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาไว้ได้ ซึ่งทำให้การผ่านร่างกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะทำได้ยาก
.
ทำให้ความไม่แน่นอนที่เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญไม่ได้ลดลง ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกท่ามกลางการระบาดของไวรัสที่ยังควบคุมไม่ได้ และอาจจะมีผลกระทบต่อแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยงต่างชาติของไทยในปีหน้าให้อยู่ในวงจำกัดมากกว่าที่วางแผนไว้ ทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออก
.
ซึ่งปัจจัยที่มากระทบรายได้จากต่างประเทศดังกล่าวจะมีผลกลับมายังการจ้างงานในประเทศที่ลดลง และกระทบการใช้จ่ายครัวเรือนรวมไปถึงคุณภาพของสินเชื่อในระบบการเงิน นอกจากนี้ยังมีประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังเป็นประเด็นต่อเนื่องไปยังปีหน้า
.
อย่างไรก็ตามสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.หรือสภาพัฒน์) มองว่าจีดีพี ไตรมาสที่ 3 ลดลง 6.4% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลง 12.1% ในไตรมาส 2 เมื่อรวมช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 เศรษฐกิจไทยลดลง 6.7% ขณะที่ทั้งปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจลดลง 6%