การบินไทยลุ้นศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟู 14 ก.ย.นี้

781
0
Share:

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย เปิดเผยว่า วันที่ 14 ก.ย. นี้ ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งเกี่ยวกับการยื่นขอฟื้นฟูกิจการและการขอจัดทำแผนฟื้นฟู หากศาลให้ความเห็นชอบให้บริษัททำแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทจะต้องปิดบัญชีให้ได้ภายใน 7 วัน จากนั้นจะเปิดให้เจ้าหนี้ยื่นความจำนงขอรับชำระหนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 1 เดือน จึงมีความชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนเจ้าหนี้และมูลหนี้
.
หลังจากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำแผนฟื้นฟูและเจรจาเจ้าหนี้อีกครั้ง เพื่อขอความเห็นชอบเกี่ยวกับแผนเพื่อยื่นต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนจากนี้
.
ซึ่งเจ้าหนี้ 50-60% สนับสนุนแผนของการบินไทย มีเจ้าหนี้รายย่อยราว 15-16 ราย เท่านั้นที่คัดค้าน ซึ่งคิดเป็นมูลหนี้ ไม่เกิน 1-2% ที่กังวลเรื่องตั๋วโดยสาร และคะแนนสะสมแลกไมล์ ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามชี้แจง และยืนยันว่าจะดูแลลูกค้าทุกคนแน่นอน
.
สำหรับการเปิดตัว Royal Orchid Dining Experience ภัตตาคารแนวใหม่ ด้วยบรรยากาศเหมือนการขึ้นเครื่องบิน อีกทั้งจุด Check-In ซึ่งลูกค้าสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด และได้รับ e-Boarding Pass บนโทรศัพท์มือถือของลูกค้าเป็นที่ระลึกได้อีกด้วย คาดว่าจะทำรายได้เดือนละ 3-4 ล้านบาท
.
นางวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายครัวการบิน THAI เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทยังไม่เปิดทำการบินระหว่างประเทศ ดังนั้นครัวการบินจึงต้องปรับกลยุทธ์หันมาเน้นการขายอาหารภาคพื้นมากขึ้น ผ่านภัตตคารของการบินไทยที่เปิดใหม่ “Royal Orchid Dining Experience ” และร้านแฟรนไชส์พัฟแอนด์พาย
.
โดยปลายปีนี้จะขยายสาขาภัตตคารการบินไทยในประเทศเพิ่มเติม 3 สาขา คือ ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ ตั้งเป้ายอดขายสาขาละ 1,000 ล้านบาท/ปี และมีแผนที่จะเปิดภัตตาคารการบินไทยในต่างประเทศอีก 3 สาขาคือ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ที่ประเทศจีน ซึ่งจะเปิดให้บริการพร้อมกับการกลับมาเปิดบินเชิงพาณิชย์ในเส้นทางต่างประเทศในปี 2564
.
ปัจจุบันครัวการบินมีรายได้ ปีละ 800-900 ล้านบาท โดยรายได้ 90% มาจากการจำหน่ายอาหารให้กับลูกค้าของการบินไทย และอีก 10% เป็นการจำหน่ายอาหารภาคพื้น ผ่านร้านแฟรนไชส์พัฟแอนด์พายและร้านอาหารอื่นๆ โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ภาคพื้นให้เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท