คลังเตรียมเสนอคนละครึ่งเฟส 2 เข้าที่ประชุมครม. ต้นเดือนธ.ค.นี้

1157
0
Share:

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอขยายเวลามาตรการคนละครึ่ง เฟส 2 เข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) ในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาเห็นชอบ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาจำนวนผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ที่มาแย่งกันลงทะเบียนผ่านระบบของธนาคารกรุงไทย โดยกระทรวงการคลังมีเป้าหมายที่จะเก็บตกกลุ่มตกหล่นให้ครบ จากกลุ่มที่ลงทะเบียน 10 ล้านคนในรอบแรก
.
กระทรวงการคลังขอเวลาไปพิจารณาตัวเลขกลุ่มที่ยังไม่ได้รับสิทธิ อาจจะเป็น 14-15 ล้านคนก็ได้ โดยได้สั่งให้กรุงไทยไปดูตัวเลขของคนที่เข้ามาลงทะเบียนพร้อมกันใน 3 รอบที่เปิดรับลงทะเบียนว่ามีปริมาณสูงสุดเท่าไหร่ ตอนนี้วงเงินกู้จาก พ.ร.ก.โควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 4 แสนล้านบาทยังเหลือก็จะนำมาใช้ในส่วนนี้ โดยจะเสนอพร้อมกันกับมาตรการอื่นๆ เป็นแพ็คเกจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่
.
โดยการขยายอายุมาตรการคนละครึ่ง เฟส 2 จะลากยาวพ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนออกไปอีก แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะยาวถึง 3 เดือนหรือไม่ ซึ่งในหลักการจะเป็นการต่อเวลาออกไป และเป็นการให้เงินรอบใหม่ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะให้ถึง 3,000 บาทเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะส่วนที่เหลือจากรอบแรกที่ใช้ไม่ทันภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ อาจจะไม่ได้ถูกนำไปรวมกับรอบใหม่
.
นอกจากนี้ รมว.คลังยังได้สั่งการให้ไปดำเนินการตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ไปดูแลกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐอีก 14 ล้านคนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งว่าจะมีแนวทางการช่วยเหลืออย่างไร โดยเบื้องต้นจะมีการเสนอเพิ่มสวัสดิการให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ เช่น การให้เงินอุดหนุนเพิ่มเติม ไปพร้อมกับการเสนอมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 เข้าที่ประชุม ศบศ. เป็นแพ็คเกจ
.
อย่างไรก็ดี มาตรการคนละครึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือนให้มาใช้สิทธิในมาตรการนี้ ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่ามาตรการช้อปดีมีคืน ดังนั้น การขยายมาตรการคนละครึ่ง เฟส 2 ออกไปอีก คนที่เข้าร่วมมาตรการช้อปดีมีคืนก็จะไม่สามารถเข้าร่วมคนละครึ่ง เฟส 2 ได้เหมือนเดิม
.
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 จะฟื้นตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ก่อนจะฟื้นตัวเป็นบวกได้ราว 3-4% ในปี 64 จากแรงสนับสนุนสำคัญในเรื่องความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และคลังไม่ได้ลืมเรื่องวินัยทางการเงินและการคลัง ซึ่งยืนยันว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ของรัฐบาลในขณะนี้เป็นการดำเนินการที่ยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินการคลัง