ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์ปิดพุ่งกว่า 260 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งกว่า 3% เฉียด 81 ดอลลาร์

279
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวน์โจนส์ ปิดพุ่งกว่า 260 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งกว่า 3% เฉียด 81 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,156 จุด +265 จุด หรือ +0.78% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,164 จุด +52 จุด หรือ +1.29% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,113 จุด +226 จุด หรือ +1.90%

สาเหตุจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวว่ากลไกหรือกระบวนการนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงใช้เวลาอีกยาวนานเนื่องจากเป็นเพียงการเริ่มต้นของกลไกเงินเฟ้อดังกล่าว ในความเป็นจริง คือ เฟดต้องตอบสนองกับข้อมูลจริง ดังนั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังคงมีรายงานภาวะจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น หรือรายงานภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น นั่นอาจจะกลายเป็นสิ่ฃที่เฟดจะต้องทำงานมากขึ้น และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นมากกว่าที่รับรู้กันในช่วงผ่านมา

การกล่าวของประธานเฟดในคืนผ่านมานั้น ทำให้นักลงทุนประเมินว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นที่ลดต่ำลงต่อเนื่องในอนาคต

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป กระทรวงแรงงาน สหรัฐอเมริกา ประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอเมริกาประจำเดือนมกราคมสร้างความประหลาดใจและเหนือความคาดหมายอย่างมาก โดยมีตัวเลขจ้างงานพุ่งทะยานสูงถึง 517,000 คน ไม่เพียงสูงกว่าที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 187,000 คน แต่ยังพุ่งสูงกว่า 2 เท่าของตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 2 เท่าจากตัวเลขในเดือนธันวาคม 2022 ที่ 260,000 คน อีกด้วย ที่สำคัญ จำนวนแรงงานเพิ่มขึ้น 517,000 คน ทำสถิติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือนอีกด้วย และยังส่งผลให้ทำสถิติสูงกว่าการจ้างงานนอกภาคเกษตรเฉลี่ยรายเดือนในปี 2022 ที่ 410,000 คน

ขณะที่อัตราการว่างงานเดือนมกราคมร่วงลงแตะระดับ 3.4% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 53 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่ปี 1969 เป็นต้นมา สหรัฐอเมริกามีสถิติอัตราว่างงานต่ำสุดถึง 3.1% ในปี 1953 หรือเมื่อ 70 ปีผ่านมา

ด้านอัตราค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงเดือนมกราคม พบว่า เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนธันวาคม 2022 ที่เพิ่ม 0.4% อัตราเฉลี่ยค่าจ้างดังกล่าวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าในปี 2022 ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามโดย

จากตัวเลขที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์การจ้างงานดังกล่าวทั้งหมด ส่งผลให้ในวันศุกร์ผ่านมานั้น นักลงทุนกลับมากังวลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในรอบต่อไปซึ่งจะประชุมในเดือนมีนาคมนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.14 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +3.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.1% ส่งผลรวม 2 วันติดกัน ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น 3.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +5.1%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน ทำให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดเพิ่มขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ตุลาคม 2022

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 80.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.3% ส่งผลรวม 2 วันติดกัน ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ เพิ่มสูงขึ้น 3.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.6%

ในปีผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากประฌานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด กล่าวส่งสัญญาณในคืนผ่านมาว่า กลไกหรือกระบวนการนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงใช้เวลาอีกยาวนานเนื่องจากเป็นเพียงการเริ่มต้นของกลไกเงินเฟ้อดังกล่าว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลง

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่าความต้องการบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เนื่องจากการกลับมาเปิดประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่ ด้านซาอุดีอาระเบียประกาศปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบคุณภาพสูงสำหรับตลาดเอเชีย ซึ่งเป็นการปรับราคาขายขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนผ่านมา จากการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการเปิดประเทศของจีนแผ่นดินใหญ่

นอกจากนี้ แผ่นดินไหวรุนแรงครั้งใหญ่รอบ 84 ปีที่ตุรกีได้สร้างความเสียหายให้กับท่าเรือส่งออกน้ำมันดิบเมืองเคย์ฮานในตุรกี ส่งผลให้ต้องปิดบริการส่งออกน้ำมันดิบระหว่าง 6-8 กุมภาพันธ์นี้ กระทบปริมาณน้ำมันดิบส่งออกจากท่าเรือดังกล่าวถึงวันละ 1 ล้านบาร์เรล

กลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู เตรียมประชุมครั้งสุดท้ายในวันนี้ เพื่อขอมติอย่างเป็นเอกฉันท์จากประเทศสมาชิกทั้ง 27 ชาติในการประกาศบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียด้วยการจำกัดเพดานราคาน้ำมันดีเซลที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,884.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +5.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3% ขณะที่ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ระดับ 1,870.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ +5.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ +0.2%

ย้อนกลับไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม ในช่วงระหว่างวัน พบว่าราคาทองคำพุ่งทะยานสูงถึง 1,956.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 9 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2022 ซึ่งในวันนั้น ทองคำมีราคาที่ระดับ 1,957.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ในปีผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกจากร่วงอ่อนค่าแรงถึง 0.9% ในระหว่างการซื้อขายในคืนผ่านมาขึ้นมาแข็งค่า สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ที่ยังเพิ่มขึ้น หลังจากนักลงทุนประเมินมุมมองของประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดในคืนผ่านมาเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้น สอดรับกับผู้ว่าการเฟดจากหลายสาขาที่ยังคงมีมุมมองว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสุดท้ายจะต้องเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้