ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดทะยานกว่า 300 จุด

421
0
Share:

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,845 จุด +315 จุด หรือ +0.97% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,130 จุด +57 จุด หรือ +1.42% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,390 จุด +228 จุด หรือ +1.88% ส่งผลให้ในช่วง 3 วันทำการติดกัน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งพุ่งทะยานสูงถึง +1,083, +207 และ +787 จุด ตามลำดับ

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ยังปิดทะยานขึ้น +3%, +4.3% และ +4.7% ตามลำดับ ในขณะที่สิ้นสุดเดือนกรกฎาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทะยาน 6.7% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 พุ่งมากถึง 9.1% และดัชนีหุ้นนาสแดค พุ่งทะยานถึง 12.4% แต่ยังคงอยู่ในภาวะดัชนีหุ้นหมี หรือ Bear Market ทำให้ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งทำสถิติรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน หรือนับตั้งแต่พฤศจิกายน ปี 2020

สาเหตุจากท่ามกลางตัวเลขดัชนีค่าใช้จ่ายในการบริโภคประชาชนชาวอเมริกันในเดือนมิถุนายนออกมาพุ่งสูงถึง 6.8% ซึ่งไม่เพียงเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้านี้ แต่ยังทำสถิติพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่มกราคม ปี 1982 แต่การที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเกิดภาวะถดถอยตามทฤษฎี หรือทางเทคนิคแล้วนั้น ทำให้นักลงทุนมองว่าจะเป็นแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจลดน้ำหนักในการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นไม่รุนแรงในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 21-22 กันยายน

นอกจากนี้ ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังทยอยประกาศออกมาได้สร้างความมั่นใจตามคาดหมาย ได้แก่ อเมซอนประกาศตัวเลขคาดการณ์ยอดขายในไตรมาสที่ผ่านไปที่สูงกว่าที่คาดไว้มาก นอกจากนี้ แอปเปิล อินคอร์ปอเรชั่น ประกาศยอดขายไอโฟนที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามด้วยหุ้นกลุ่มพลังงานที่นำโดย บริษัทเอ็กซ่อน โมบิล และเชฟร่อน ที่ประกาศตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรไตรมาสผ่านไปที่สูงมากกว่าที่คาดไว้

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 99.67 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +3.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.4% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 110.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในเดือนกรกฎาคม ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ยังคงเป็นราคาน้ำมันดิบรายเดือนที่ตกต่ำเป็นเดือนที่ 2 ต่อเนื่อง โดยลดลง -4.6% และ -6.8% ตามลำดับ

สาเหตุจากตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในสัปดาห์หน้า จะยังคงมีมติเช่นเดิม ซึ่งไม่ได้เปผ้นไปตามที่รัฐบาลสหรัฐคาดหวังว่าจะมีการทบทวนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาบ้าง นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าอย่างมากและต่อเนื่องนับตั้งแต่สิ้นสุดการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ด้านปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดต่ำลงมากถึง 4.5 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ รัสเซียประกาศลดการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปผ่านท่อส่งก๊าซนอร์ด สตอร์ม 1 โเยมีปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลือเพียง 20% จากปริมาณปกติ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ร่วงลงทันทีหลังสิ้นสุดการประชุมวันที่ 2 ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในคืนที่ผ่านมากับการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.75%

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,762.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +10.00 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.7% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน เมื่อสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม พบว่าราคาทองคำยังคงลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ราคาทองคำร่วงลงกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ

สาเหตุจากตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐอเมริกาหดตัว -0.6% ต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 ที่หดตัว -1.6% ซึ่งเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้นักลงทุนโถมเข้าลงทุนทองคำอย่างคึกคัก ซึ่งมองว่าเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ และภาวะถดถอยดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดความรุนแรงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมครั้งต่อไปในช่วงต้นสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนกันยายน รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยที่สุดในรอบ 2 ปี

นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นในคืนผ่านมา ปรับลดลงต่อเนื่องหลังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกามีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 0.75%