ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งปิดกว่า 300 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 79 ดอลลาร์

114
0
Share:
ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ พุ่งปิดกว่า 300 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งเหนือ 79 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,261 จุด +317 จุด หรือ +0.93% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,430 จุด +29 จุด หรือ +0.67% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,760 จุด +75 จุด หรือ +0.55%

สาเหตุจากนักลงทุนกลับมาเข้าซื้อหุ้นที่มีราคาตกต่ำต่อเนื่องในปลายสัปดาห์ผ่านไป หลังจากดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงหนักถึง 3 วันทำการติดต่อกันในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนมิถุนายนที่จะประกาศเบื้องต้นในคืนวันนี้ รวมถึงการประกาศเงินเฟ้อผู้ผลิตเดือนมิถุนายนที่จะประกาศในกลางสัปดาห์นี้ โดยคาดการณ์ว่าจะอยู่ในเป้าหมายที่ตลาดประเมินไว้

นักลงทุนยังคงติดตามแนวโน้มสูงในการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่จะมีการประชุมในวันที่ 13-14 กรกฎาคมนี้ ถึงแม้ว่าในคืนผ่านมา ยอดการจ้างแรงงานชาวอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นเพียง 209,000 คน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 240,000 คน และยังลดลงจากเดือนพฤษภาคมที่จ้างงานสูงถึง 339,000 คนก็ตาม ที่สำคัญ เป็นยอดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 2 ปี 6 เดือนกว่า หรือตั้งแต่ธันวาคม 2020 สอดคล้องกับอัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันยังคงลดต่ำลงต่อเนื่องจากเดือนพฤษภาคมมาอยู่ที่ 3.6% เป็นประวัติการณ์

ขณะที่ตัวชี้วัดแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอีเฟดวอทช์ ทูล พบว่า มีโอกาส 92% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว 0.25% ในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งลดลงจากเดิมที่ให้น้ำหนัก 95% ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา ที่สำคัญ โอกาสลดดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.5% ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 9 สัปดาห์ หรือนับตั้งแต่ 1 พฤษภาคมผ่านมา

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 79.40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.71 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.2% ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่ 28 เมษายนผ่านมา

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด หลายสาขาส่งสัญญาณว่ารอบการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดใกล้สิ้นสุดลง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกาประจำเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน นอกจากนี้ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่าในครึ่งปีหลังนี้ ภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกจะตึงตัว สาเหตุจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของจีนแผ่นดินใหญ่

ปัจจัยภาวะสต๊อกน้ำมันดิบทั่วโลกตึงตัวจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสนำโดยซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจถึงวันละ 1 ล้านบาร์เรลเพิ่มเติมในเดือนสิงหาคมหลังจากเริ่มต้นลดกำลังการผลิตวันละ 1 ล้านบาร์เรลในเดือนนี้เป็นเดือนแรก สอดคล้องกับรองนายกรัฐมนตรี รัสเซีย กล่าวว่า จะลดปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบไปตลาดโลกวันละ 500,000 บาร์เรล มีผลในเดือนสิงหาคมนี้ ปริมาณดังกล่าวเท่ากับ 1.5% ของปริมาณซัพพลายน้ำมันดิบตลาดโลก รวมถึงอัลจีเรียประกาศลดปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบไปตลาดโลกวันละ 20,000 บาร์เรล มีผลในเดือนสิงหาคมด้วย

หากซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และอัลจีเรีย ลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบตามที่ประกาศไว้ในเดือนหน้าเต็มรูปแบบ ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบลดลงถึงวันละ 5.35 ล้านบาร์เรล และอาจเป็นไปได้ที่จะลดลงมากกว่าตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากประเทศสมาชิกหลายแห่งในกลุ่มโอเปกพลัสยังไม่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้ตามโควต้าการผลิตที่กำหนดไว้

ขณะนี้ การลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสที่เริ่มต้นในเดือนนี้ ทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบลดลงมากกว่าวันละ 5 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็น 5% ของปริมาณผลิตน้ำมันดิบทั่วโลก

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,932.03 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +6.73 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.4% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,937.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +6.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.3%

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงต่ำลง 0.3% ทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม หรือในรอบ 2 เดือน สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ลดต่ำลง

นักลงทุนรอติดตาม 2 ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน ได้แก่ เงินเฟ้อผู้บริโภค และเงินเฟ้อผู้ผลิต ที่จะประกาศในคืนวันนี้และคืนวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินสัญญาณและแรงกดดันต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมกลางเดือนนี้

การประกาศบันทึกผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ของการประชุมในเดือนผ่านไป พบว่า กรรมการทุกคนมีมมุมมองเดียวกันที่จะปรับขึ้นมาดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไป แต่ในแนวโน้มที่ไม่เพิ่มขึ้นสูงเหมือนช่วงผ่านมา

นักลงทุนยังคงกังวลกับการยืนยันแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ยังต้องปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงประธานธนาคารกลางกลุ่มยูโรที่กล่าวว่า เงินเฟ้อในกลุ่มยูโรยังควบคุมได้ยาก จึงเลี่ยงที่จะพูดถึงรอบการสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริการาว 0.25% ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 92% ลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้ที่ระดับ 95%