ตลาดหลักทรัพย์รีบไล่บี้บริษัทหลักทรัพย์ ต้องส่งหลักฐานมีหุ้นในมือภายใน 15 วันก่อนเทรด

175
0
Share:
ตลาดหลักทรัพย์ รีบไล่บี้ บริษัทหลักทรัพย์ ต้องส่งหลักฐานมีหุ้นในมือภายใน 15 วันก่อนเทรด

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยว่าตรียมยกระดับการกำกับดูแลเพิ่มเติมกรณีโปรแกรมเทรดดิ้งและการซื้อขายชอร์ต (Short Sell) ใน 3 เรื่อง ประกอบด้วย การยกระดับการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการตรวจสอบบัญชีประเภทบัญชีที่มีผู้ลงทุนร่วมกันหลายคนแต่มีบัญชีเดียวกัน หรือ Omnibus Account เพื่อให้รู้ถึงผู้ลงทุนที่แท้จริงที่เข้ามาทำธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะมีการประสานความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์และผู้ดูแลรับฝากทรัพย์สินในต่างประเทศ หรือคัสโตเดี้ยนในการดำเนินการ รวมถึงกำหนดแนวทางปฎิบัติของโบรกเกอร์และสมาชิกต้องส่งหลักฐานพิสูจน์กรณีมีการ Short Sell ผ่านบัญชีประเภทดังกล่าวภายใน 15 วัน

หากกรณีโบรกเกอร์หรือสมาชิกไม่สามารถส่งหลักฐานให้ตรวจสอบได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสันนิฐานว่าเป็นการขายชอร์ตที่ไม่มีการยืมหลักทรัพย์ หรือ Naked Short Selling ซึ่งจะมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินัยพิจารณามาตรการลงโทษทางวินัยกับสมาชิกต่อไป เช่น การปรับ ภาคทัณฑ์ ตักเตือน หรือระงับการซื้อขาย เป็นต้น ซึ่งโทษทางวินัยขึ้นอยู่กับความผิดของการกระทำและจะเป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ประเด็นต่อมา คือ การทบทวนความเท่าเทียมการซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนที่ไม่ได้ใช้โปรแกรมเทรดดิ้งและผู้ลงทุนที่ใช้โปรแกรมเทรดดิ้ง รวมถึงผู้ลงทุนแต่ละกลุ่มเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการดำเนินการตรวจสอบว่ามีหลักเกณฑ์อะไรที่ต้องปรับปรุงเพิ่มเติมและเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศต่อไป

และเรื่องสุดท้าย คือ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการจัดตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อตรวจสอบและแนะนำข้อเสนอแนะในการการกำกับดูแลเรื่องโปรแกรมเทรดดิ้งและ Naked Short Selling ของตลท. ซึ่งจะมีการประกอบไปด้วยผู้แทนจากตลท.และก.ล.ต. รวมถึงมีการประสานผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เช่น ผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq และผู้แทนจากตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (KRX) ให้มาช่วยทำงานในคณะทำงานพิเศษชุดดังกล่าวอีกด้วย

สำหรับข้อแนะนำของ ก.ล.ต.ให้คณะกรรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดราคาทำ Short Sell ด้วยราคาสูงกว่าราคาครั้งสุดท้าย (Uptick Rule) นั้น ยืนยันว่าเมื่อวานนี้คณะกรรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการประชุมเป็นกรณีพิเศษเพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าว โดยมีความเห็นว่าการลดลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมามีความสอดคล้องไปกับตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก และไม่ได้มีความผิดปกติของการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากดูสัดส่วนการขายของผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีการขายมาโดยตลอดและอยู่ในสัดส่วนที่สูงมากถึงประมาณ 138,000 ล้านบาท จึงทำให้มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พิจารณาว่ายังไม่มีความจำเป็นในการนำมาตรการชั่วคราวดังกล่าวมาใช้ เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ได้มีผลต่อการซื้อขายที่ผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์ภาวะเศรษฐกิจทั้งในประเทศและของโลก อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมจะดำเนินการหากมีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้นหรือมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการใช้มาตรการพิเศษหรือมาตรการชั่วคราวเพื่อที่จะดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์