น้ำมันดิบตลาดโลกแพงสุดใน 7 ปี ปิดทะลุเหนือ 81 ดอลลาร์

548
0
Share:

น้ำมันดิบตลาดโลกแพงสุดใน 7 ปี ปิดทะลุเหนือ 81 ดอลลาร์ โอเปกพลัสไม่เพิ่มกำลังผลิตในเดือนหน้าถึงเมษายนปีหน้า
.
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าในเอเชียที่สิงคโปร์ในเช้าวันนี้ 5 ตุลาคม 2564 รายงานว่า ราคาไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ยังคงเคลื่อนไหวใกล้เคียงที่ 78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบสูงสุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ซึ่งยังคงมีแรงส่งจากราคาปิดเมื่อคืนที่ผ่านมาที่ตลาดนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา โดยราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.29%
.
สอดรับกับเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 81.26 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.5% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษทะเลเหนือ มีราคาพุ่งขึ้นกว่า 50% ตั้งแต่ต้นปีนี้ และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014
.
สาเหตุจากกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC Plus) มีมติยึดตามข้อสรุปเดิมเมื่อเดือนกรกฎาคมของสมาชิกในการผลิตน้ำมันดิบในเดือนพฤศจิกายนวันละ 400,000 บาร์เรล ไปจนถึงเดือนเมษายน 2565 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ยังคงเป็นกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ไม่สามารถลดแรงกดดันของราคาที่พุ่งสูงได้ ขณะที่รัฐวิสาหกิจซาอุดิ อารามโก้ ยักษ์ผลิตน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า เกิดภาวะขาดแคลนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่อการบริโภคน้ำมันดิบให้เพิ่มสูงขึ้นถึงวันละ 500,000 บาร์เรล เพื่อนำไปผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มสูงมากขึ้น เนื่องจากภาวะราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกมีราคาถีบตัวสูงขึ้นมากในทุกวันนี้ นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น
.
ในขณะที่นายแดเนียล คัวร์วาลิน หัวหน้าสายงานวิจัยพลังงาน ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยว่า ปริมาณสต็อกน้ำมันดิบในตลาดโลกจะตกต่ำลงมากที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบในขณะนี้มีราคาสูงสุดในรอบ 7 ปี นั่นหมายความว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกจะมีราคาสูงต่อเนื่อง สำหรับความต้องการนำน้ำมันดิบไปผลิตพลังงานไฟฟ้าที่เดิมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติแต่กลับมีราคาแพงจากภาวะขาดแคลนก๊าซธรรมชาตินั้น ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ ประเมินว่า มีความต้องการใช้น้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอีกวันละ 650,000 บาร์เรลในปีนี้