ปปง. อายัดทรัพย์เพิ่ม คดีฉ้อโกงหุ้น MORE อีก 19 ล้านบาท รวมกว่า 5,319 ล้านบาท

328
0
Share:
ปปง. อายัดทรัพย์ เพิ่ม คดีฉ้อโกง หุ้น MORE อีก 19 ล้านบาท รวมกว่า 5,319 ล้านบาท

นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ ปปง. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ตามที่ สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ราย นายอภิมุขฯ กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จำนวน 34 รายการ (เงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE หรือ MORE-R) รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 5,300 ล้านบาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน คือ นับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.65 ถึงวันที่ 18 ก.พ.66 นั้น

โดยจากการสืบสวนสอบสวนขยายผล เพื่อดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ทั้งหมด พบว่า นายอภิมุขฯ กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติม สำนักงาน ปปง. จึงมีคำสั่งอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 2 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทเงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE หรือ MORE-R รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 19 ล้านบาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน คือ นับตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.65 ถึงวันที่ 18 ก.พ.66 ในภาพรวมสำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวในรายคดีนี้ 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 36 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 5,319 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ทราบว่า ผู้ใดกระทำการดังต่อไปนี้ (1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ในความผิดมูลฐาน หรือ (2) กระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มา แหล่งที่ตั้ง การจำหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือ (3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้น ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารหรือบันทึก ข้อมูล หรือทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้ หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านพล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ) กล่าวถึงกรณี ปปง. อายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องกับการซื้อขาบหุ้น MORE แบบผิดปกติว่า หลังจากผู้เสียหายซึ่งเป็นบริษัทโปรกเกอร์ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้ว จากนั้นทางพลังงานสอบสวนได้ทำหนังสือประสานงานไปยัง ปปง. เพื่อรายงานว่ากรณีดังกล่าวอาจ เป็นการกระทำที่เข้าข่ายตามความผิดมูลฐาน จึงขอให้ ปปง. ร่วมตรวจสอบ ซึ่งล่าสุดทราบว่า ปปง. ได้สั่งอายัดทรัพย์ที่ต้องสงสัยทั้งหมดแล้ว ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าที่ผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เพราะอาจจะมีความเกี่ยวพันกันในหลายๆส่วน

สำหรับการดำเนินคดีนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้เสียหายและติดตามพยานมาให้ปากคำในฐานความผิดฉ้อโกงทรัพย์ในเบื้องต้น โดยในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) คณะจาก ก.ล.ต. จะเข้าพบกับ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และคณะทำงาน เพื่อร่วมประชุมหารือถึงความคืบหน้าของคดีนี้ด้วย