ปัญหามาอีก! ชาวออสเตรเลียลังเล-ยกเลิกฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ชี้เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดดูจะมากกว่าเสี่ยงติดโควิด-19

421
0
Share:

นายแพทย์ท็อดด์ คาเมรอน ซึ่งเป็นแพทย์ในเมืองเมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ประชาชนชาวออสเตรเลียต้องการรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์มากกว่ายี่ห้อแอสตร้าเซเนก้า สาเหตุจากมีมุมมองเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีมากกว่าวัคซีนไฟเซอร์ นายแพทย์ท็อดด์ คาเมรอน กล่าวชัดเจนว่า ปัญหาในขณะนี้ คือการที่สังคมชาวออสเตรเลียมองว่ามีวัคซีนสองยี่ห้อ คือยี่ห้อที่ดี และยี่ห้อที่ดีน้อยกว่า ดังนั้น ประชาชนมักจะพูดด้วยเหตุผลเหมือนกันว่า ทำไมตัวพวกเขาจึงไม่ได้ชนิดที่ดี

.

สอดรับกับนางคาเรน ไพรซ์ แพทย์หญิง และประธานราชวิทยาลัยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปแห่งออสเตรเลีย กล่าวว่า ประชาชนทั่วประเทศตัดสินใจแจ้งยกเลิกนัดหมายการรับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ยังมีสอบถามว่าควรได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่สองอีกหรือไม่ ในขณะนี้ รัฐบาลออสเตรเลียต้องสร้างความเชื่อมั่นการฉีดวัคซีนกลับมาอีกครั้ง โครงการฉีดวัคซีนในออสเตรเลีย มีความสำคัญ เนื่องจากยังคงมีประชากรผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในชุมชน

.

ปัญหาการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในประชาชนที่มีอายุ 50 ปีเศษมีจำนวนเพิ่มขึ้นในออสเตรเลีย ประกอบกับรัฐบาลออสเตรเลียประกาศข้อแนะนำเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ให้แก่ประชาชน โดยจำกัดการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับผู้มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น สาเหตุมาจากความเสี่ยงเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ดังนั้น ประชาชนในออสเตรเลียที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี จะได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แทน ซึ่งออสเตรเลียมีวัคซีนดังกล่าวอย่างจำกัด

.

ทางการออสเตรเลีย เปิดเผยว่ามีการพบอาการลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มคนอายุ 50 ปี ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มขึ้น โดยมีอัตราความเสี่ยงอยู่ที่ 2.7 รายต่อผู้ได้รับวัคซีนโดสแรก 100,000 คน ที่น่าสนใจ คือความเสี่ยงดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 รายต่อคนอายุต่ำกว่า 50 ปีที่ได้รับวัคซีนโดสแรก 100,000 คน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความเสี่ยงนี้ถือว่าเป็นระดับต่ำมาก ควบคู่ไปกับออสเตรเลียยังคงมีจำนวนผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 ในระดับต่ำ