ราคาน้ำมันดิบโลกปิดขยับเฉียด 80 ดอลลาร์ รวม 3 วันปิดขึ้นถึง 4% รวมกว่า 3 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.4% ส่งผลราคาปิดสูงสุดในรอบ 20 วันผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2023 และยังเป็นราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 3 วันรวมกัน 2.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.2%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 79.70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.47 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.6% ส่งผลราคาปิดสูงสุดในรอบ 20 วันผ่านมา หรือตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2023 และยังเป็นราคาน้ำมันดิบปิดขึ้น 3 วันรวมกัน +3.15 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.0%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากบริษัท บีพี (BP) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตพลังงานยักษ์ใหญ่ระดับโลกในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ความไม่มั่นคง และความไม่ปลอดภัยที่เลวร้ายลง ซึ่งเกิดขึ้นกับการขนส่งพลังงานในบริเวณทะเลแดง บีพีตัดสินใจยุติการขนส่งพลังงานทั้งหมดผ่านบริเวณทะเลแดงเป็นการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากกลุ่มกองกำลังฮูติในประเทศเยเมนที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศอิหร่าน ได้ใช้อาวุธหนักโจมตีเรือขนส่งพลังงานในบริเวณทะเลแดง ซึ่งไม่มีท่าทีจะลดความรุนแรงลงแต่อย่างใด

ด้านสายเดินเรือขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกทั้ง 4 สายเดินเรือ ได้แก่ เมอส์ก(MAERSK) เอ็มเอสซี(MSC) ซีเอ็มเอ-ซีจีเอ็ม(CMA-CGM) และฮาแพก-ลอยด์(Hapag-Lloyd) ประกาศปรับเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้าโดยหลีกเลี่ยงบริเวณคลองสุเอส และทะเลแดง โดยเฉพาะสายเดินเรือซีเอ็มเอ-ซีจีเอ็ม(CMA-CGM) ยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส เปิดเผยว่า สถานการณ์กำลังเลวร้ายลงไปมากกว่าเดิม และความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยเพิ่มสูงมากขึ้น ดังนั้น บริษัทตัดสินใจยกเลิกเรือเดินสมุทรชนส่งสินค้าเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเห็นตรงกันให้ขยายเวลามาตราลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่มต่อไป รวมถึงให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก ส่งผลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล มีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ใน 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดการผลิตลงวันละมากกว่า 2-3 ล้านบาร์เรล