วัคซีนต้านโควิดนาโน โคแวกซ์ ของเวียดนามกำลังทดลองวัคซีนระยะสุดท้าย ขึ้นแท่นชาติแรกในอาเซียนผลิตในประเทศเร็วที่สุด

877
0
Share:

บริษัท นาโนเจน ฟาร์มาซูติคัล ไบโอเทคโนโลยี เป็นบริษัทด้านผลิตเวชภัณฑ์ ได้ร่วมการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 กับมหาวิทยาลัยการแพทย์ทหารแห่งประเทศเวียดนาม เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้เริ่มทดลองวัคซีนดังกล่าวที่มีชื่อว่า นาโน โคแวกซ์ (Nano Covax) ในระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายแล้ว
จากระยะเวลาในแต่ละช่วงของการทดลองคุณภาพ และประสิทธิภาพของวัคซีนดังกล่าว พบว่า ระยะแรกที่เริ่มทดลองวัคซีนเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2563 จากนั้นเข้าสู่การทำลองระยะที่ 2 ปรากฎผลสำเร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทั่งถึงปัจจุบัน ได้เข้าสู่ระยะสุดท้าย คือระยะที่สาม หากเป็นไปตามที่ประเมินไว้ การพัฒนาวัคซีนจะเสร็จสมบูรณ์ได้ภายในสิงหาคมหรือกันยายนปีนี้

.
ผู้จัดการด้านวิจัยและพัฒนาบริษัทนาโนเจน ฟาร์มาซูติคัล ไบโอเทคโนโลยี กล่าวว่า ผลทดลองวัคซีนนาโน โคแวกซ์ กับคลิกนิกในระยะ 2 ได้ผลดีเกินคาด วัคซีนดังกล่าวมีศักยภาพในการตอบสนองต่อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้อย่างรวดเร็วด้วย หากรัฐบาลเวียดนามต้องการใช้เพื่อการฉุกเฉินก็สามารถนำวัคซีนที่ผลิตขึ้นได้ภายในประเทศไปใช้ได้ในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมทดลองระยะสุดท้ายในประเทศฟิลิปินส์ บังคลาเทศ และในประเทศอื่นๆ ด้วย
สำหรับการที่ประเทศเวียดนามสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ได้รวดเร็วตามกำหนดเวลานี้ ส่งผลให้ประเทศเวียดนามกลายเป็นประเทศที่ผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ด้วยตัวเองที่รวดเร็วที่สุดในกลุ่มสมาชิกอาเซียน ที่สำคัญ เวียดนามเป็นเพียงชาติเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ไม่ได้พึ่งพาวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 จากจีนแผ่นดินใหญ่ เหตุผลสำคัญมาจากปัจจัยด้านการเมืองระหว่างประเทศที่เวียดนามและจีนแผ่นดินใหญ่ต่างก็มีปัญหาในกรรมสิทธิ์เหนือบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นความบาดหมางของทั้ง 2 ประเทศมาตลอดเวลา

.
วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 นาโน โคแวกซ์ จะต้องทำการฉีดจำนวน 2 โดส โดยบริษัทดังกล่าวเสนอขายให้กับรัฐบาลเวียดนามในราคาโดสละ 5 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 160 บาทต่อโดส ซึ่งต้องการให้ประชาชนชาวเวียดนามได้เข้าถึงการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้าง และมีจำนวนมากขึ้น

.
ทั้งนี้ บริษัท นาโนเจน ฟาร์มาซูติคัล ไบโอเทคโนโลยี ก่อตั้งมาเมื่อปี 2540 เน้นผลิตเวชภัณฑ์เพื่อการรักษาโรคมะเร็ง และโรคตับอักเสบบีเป็นหลัก แต่หลังจากเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา บริษัทได้เร่งทำการวิจัย พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 จากเป้าหมายเดิมด้วยกำลังการผลิตวัคซีน 70 ล้านโดสต่อปี แต่ปรับขึ้นเป็น 120 ล้านโดส หรือเกือบ 2 เท่า เนื่องจากมีความต้องสั่งซื้อวัคซีนนาโน โคแวกซ์จากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ประเทศเวียดนามกำลังเจรจากับรัสเซีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อขอสิทธิ์ในการผลิตวัคซีนสปุตนิก วี และวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคในประเทศเวียดนาม หากการเจรจาเป็นผงสำเร็จ เวียดนามจะเริ่มผลิตวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อได้ภายในปี 2565 นี้