ศบค.เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชั่น “ไทยชนะ” เพื่อนำมาช่วยในการควบคุมโรคโควิด 19

1064
0
Share:

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า หลังการผ่อนปรนมาตรการ 6 กิจการและกิจรรม ระยะที่ 1 ขณะนี้แอปพลิเคชันติดตามตัวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เป็นแพลตฟอร์มเพื่อช่วยการควบคุมป้องกันโรค จากเดิมต้องลงทะเบียนด้วยมือ ต่อไปใช้วิธีเช็กอินแทน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ตั้งชื่อว่า”ไทยชนะ”
.
ด้าน นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า แอปพลิเคชั่น ไทยชนะ จะทำหน้าที่จัดการดูแลเรื่องมาตรการ 5 ข้อ ของศบค. โดยเริ่มต้นที่ผู้ประกอบการ หรือร้านค้าจะต้องไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ เพื่อให้ได้คิวอาร์โค้ดมาแปะที่หน้าร้าน และเมื่อประชาชนมาใช้บริการจะต้องสแกนคิวอาร์โค้ด ถือเป็นการเช็คอิน และลงทะเบียนข้อมูลไปยังกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
.
โดยระบบของแอปพลิเคชัน ประชาชนจะทราบปริมาณความหนาแน่นของผู้ใช้บริการในร้านค้าแห่งนั้น เพื่อตัดสินใจว่าจะใช้บริการหรือไปร้านอื่น และควรจะเช็คเอาท์ออก เมื่อออกจากร้านทุกครั้ง โดยเมื่อเช็คอินแล้วข้อมูลจะถูกส่งไปที่กรมควบคุมโรค เพื่อให้สามารถติดตามตัวผู้ใช้บริการที่ไปร้านค้าที่เป็นพื้นที่เสี่ยง โดยจะมีข้อความส่งไปยังโทรศัพท์มือถือ ให้สามารถไปรับบริการตรวจได้ฟรี
.
โดยข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับหมด ไม่มีความซับซ้อนยุ่งยากอะไรในการใช้งาน นอกจากนี้ระบบจะกำหนดให้ประชาชนตรวจสอบผู้ประกอบการว่าปฏิบัติตามมาตรการ 5 ข้อของศบค.หรือไม่ และจะมีการให้คะแนนถือเป็นผลดีของผู้ประกอบการที่จะเรียกเรตติ้ง หากปฏิบัติตามทุกข้อ และยังถือเป็นความปลอดภัยของผู้ใช้บริการด้วย
.
โดยทุกกิจการที่ ศบค. ประกาศผ่อนคลาย สามารถไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านใหญ่ ร้านดัง เราไม่ได้เลือกขนาด แต่เลือกตามการผ่อนปรน แต่หากร้านไหนไม่ใช้วิธีนี้จะต้องมีสมุดจดและรับหน้าที่ลงทะเบียนให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ ซึ่งวิธีนี้จะวุ่นวายและยุ่งยาก
.
เพราะถ้าหากร้านนั้นกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงจะต้องตามเช็คข้อมูลผู้ใช้บริการกันทั้งวันและไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ แต่หากใช้วิธีสแกนคิวอาร์โค้ดจะสามารถจำกัดบุคคลกลุ่มเสี่ยงได้เป็นช่วงเวลา ซึ่งจะลดความวุ่นวายลงได้
.
ที่สำคัญแอปพลิเคชันดังกล่าวไม่ใช่เป็นการละเมิดสิทธิ เพราะเป็นเรื่องการควบคุมโรค เรื่องของแพทย์และข้อมูลเหล่านี้จะเก็บไว้ที่กรมควบคุมโรค เพื่อนำมาใช้ด้วยเหตุผลในด้านการแพทย์เท่านั้น จะใช้ในกิจกรรมอื่นไม่ได้ ซึ่งในวันที่ 15 พ.ค.จะเริ่มเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียน โดยในช่วงแรกคงติดขัดกันบ้าง เป็นเรื่องปกติของการปรับตัว