ศาลสูงสหรัฐสั่งห้ามบังคับฉีดวัคซีน-ต้องใส่หน้ากาก-ตรวจเชื้อทุกสัปดาห์ของพนง.เอกชน

436
0
Share:
โควิด

ศาลสูงสุด สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ตัดสินให้มีคำสั่งระงับข้อกำหนดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในการบังคับให้กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชนรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 การต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือการต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสัปดาห์ สำหรับข้อกำหนดดังกล่าวออกโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโจ ไบเดน ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา

ศาลสูงให้คำอธิบายว่า ข้อกำหนดดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน แต่รัฐบาลสหรัฐสามารถใช้ข้อกำหนดนี้ได้ในกลุ่มพนักงานที่ทำงานในสถานพยาบาล ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

ขณะที่รัฐบาลสหรัฐอ้างว่า ข้อกำหนดฉีดวัคซีนโควิดจะช่วยให้สหรัฐรับมือกับการระบาดของโรคโควิดได้ ส่วนประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งมีคะแนนนิยมลดลงอย่างมาก กล่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของศาลสูงสุดสหรัฐที่สั่งระงับข้อกำหนดฉีดวัคซีนโควิดให้พนักงานบริษัทเอกชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องชีวิตของพวกเขา เขาขอเรียกร้องให้ผู้นำธุรกิจรายอื่น ๆ เข้าร่วมกับกลุ่มธุรกิจที่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนโควิดในทันที และประกาศใช้ข้อกำหนดฉีดวัคซีนในบริษัทเพื่อปกป้องพนักงาน ลูกค้า และชุมชน

รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนได้ออกข้อกำหนดพนักงานบริษัทเอกชนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด สวมหน้ากากอนามัย และเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิดทุกสัปดาห์โดยที่บริษัทเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งจะครอบคลุมกลุ่มบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป และส่งผลกระทบต่อพนักงานบริษัทราว 84 ล้านคน อย่างไรก็ดี ผู้คัดค้านข้อกำหนดดังกล่าว เช่น ส.ส. พรรครีพับลิกัน และกลุ่มบริษัทหลายแห่ง มองว่า รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนออกข้อกำหนดที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลจนทำให้เกิดการคัดค้านทางกฎหมายในทันที

ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ CDC เปิดเผยว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันที่ 13 มกราคม 2565 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้น 806,493 ราย ส่งผลยอดติดเชื้อสะสมเป็น 65,236,475 ราย เป็นอันดับ 1 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1,969 ราย รวมยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 869,212 ราย