สภาเศรษฐกิจโลกเข้าหารือพรรคก้าวไกล ประเมินนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ จ่อให้ไทยเจ้าภาพ

235
0
Share:
สภาเศรษฐกิจโลก เข้าหารือพรรค ก้าวไกล ประเมิน นโยบายเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ จ่อให้ไทยเจ้าภาพ

เฟซบุ๊กพรรคก้าวไกลได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคของสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) เดินทางเข้าพบและหารือกับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้บริหารพรรคก้าวไกล มีดังนี้

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 เจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก World Economic Forum นาย จู-อค ลี (Joo-Ok Lee) หัวหน้าฝ่ายภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และ นาย ปิยะมิตร ชมประสพ รองหัวหน้าฝ่ายภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้เข้าพบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบายพรรคก้าวไกล และคณะทำงานด้านการต่างประเทศ พรรคก้าวไกล เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ของพรรค ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และหารือถึงความเป็นไปได้ของความร่วมมือระหว่างไทยและ World Economic Forum ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นผู้จัดเวทีการประชุมระดับโลกประจำปีอย่าง Davos World Economic Forum ที่ผู้นำประเทศ นักธุรกิจ นักวิชาการ ตลอดจนผู้นำกิจกรรม จากประเทศต่างๆ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจโลก และความท้าทายต่างๆ ที่นานาชาติต้องเผชิญ

หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดประชุมระดับภูมิภาค ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพครั้งสุดท้ายในปี 2012 และ การจัดประชุมกลุ่มย่อยในประเด็นสำคัญเช่น เศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy) หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ในประเทศไทยโดยเฉพาะในเมืองรอง

นอกจากนั้นพิธาได้แสดงจุดยืนถึงนโยบายภายในที่พรรคให้ความสำคัญ คือนโยบาย 3Ds ที่ประกอบด้วย การเอากองทัพออกจากการเมืองไทย หรือ Demonopolize ต่อมาคือ การทลายทุนผูกขาด หรือ Demonopolize และสุดท้ายคือ กระจายอำนาจ หรือ Demonopolize

ในด้านนโยบายต่างประเทศ พิธาได้พูดถึงนโยบาย 3Rs ที่ประกอบด้วย การฟื้นฟู หรือ Revive ความเป็นผู้นำของไทยในอาเซียน และการช่วยแก้ปัญหาความรุนแรงในเมียนมาร์ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย การปรับสมดุล หรือ Rebalance จุดยืนของประเทศไทยต่อการเมืองระหว่างประเทศมหาอำนาจให้ไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป และสุดท้ายคือ การปรับมาตรฐาน หรือ Demonopolize ความเป็นผู้นำและความกระตือรือร้นของการต่างประเทศไทยในเวทีระดับโลก ด้วยการเพิ่มอำนาจต่อรองผ่านความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนไทย โดยเฉพาะด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการแข่งขันทางเศรษฐกิจ