สั่งรื้อระบบขายตั๋วการบินไทย

นายถาวร เสนเนียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวถึงแผนการฟื้นฟูของการบินไทยว่า ต้องเร่งเพิ่มรายได้ โดยเฉพาะรายได้จากการขายตั๋วโดยสาร จึงได้สั่งการให้ไปจัดระเบียบการขายตั๋วผ่านเอเยนต์ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบันมีการขายตั๋วผ่านเอเยนต์มากถึง 75% แต่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ เช่น ซื้อเหมาตั๋วการบินไปจำนวนมาก แล้วขายไม่หมดนำมาคืน ทำให้การบินไทยต้องรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่ม และยังเสียโอกาสจากการหารายได้เพิ่ม
.
ดังนั้นการบินไทยจะต้องกลับไปปรับเงื่อนไขเอเยนต์ใหม่ โดยอาจจะต้องกำหนดเกณฑ์การประเมินยอดขายตั๋วภายในระยะเวลาที่กำหนด หากเอเยนต์รายใดไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเกณฑ์ จะต้องถูกลงโทษ เช่น การปรับเป็นเงิน แบล็กลิสต์ หรือตัดสิทธิ์การเป็นเอเยนต์การบินไทย และต้องเร่งส่งเสริมการขายตั๋วผ่านออนไลน์และแอพพลิเคชั่นของการบินไทยให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 25%
.
ส่วนสายการบินไทยสมายล์ต้องไปทบทวนบทบาทสายการบินตัวเองใหม่ให้มีความชัดเจน เพราะมองว่าควรปรับให้เป็นสายการบินต้นทุนต่ำหรือโลว์คอสต์ไปเลย จากปัจจุบันที่เป็นสายการบินแบบ Light Premium ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างสายการบินพรีเมียม และโลว์คอสต์ เนื่องจากจำนวนที่นั่งก็ไม่ได้แตกต่างจากโลว์คอสต์ แต่มีการขายตั๋วที่แพงกว่าโลว์คอสต์มาก จึงทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับโลว์คอสต์ได้
.
ส่วนแผนการจัดหาเครื่องบิน 38 ลำ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท จากการหารือร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจแห่งชาติ หรือสศช. พบว่าการบินไทยยังมีความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน แม้ว่าการบินไทยจะอยู่ในภาวะขาดทุน เนื่องจากผู้โดยสารนิยมเลือกนั่งเครื่องใหม่ เพราะสะดวกสบายและคุ้มค่าเงินมากกว่า หากแข่งขันไม่ได้การบินไทยจะยิ่งขาดทุนมากขึ้นอีก
.
ส่วนแหล่งที่มาของเงิน ควรจะใช้รูปแบบการเพิ่มทุนจะเหมาะสมกว่า แต่ต้องไม่ให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของประเทศ ส่วนรูปแบบการกู้เงินคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันการบินไทยมีภาวะการขาดทุน ซึ่งจะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตีพิจารณาในเดือนนี้