อย่าวัดภูมิ! หมอสันต์ชี้เสียเงินเปล่าไปตรวจหาภูมิหลังฉีดเข็มที่ 3 แอสตร้าฯ ต่อจากซิโนแวคครบ 2 โดส

594
0
Share:

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ อดีตศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับการตรวจวัดภูมิหลังฉีดซิโนแวคครบ 2 โดส แล้วตามด้วยแอสตร้าเซเนก้า ปรากฎว่าไม่พบภูมิคุ้มกัน มีดังนี้

กรณีที่ฉีดวัคซีนโควิดครบแล้ว 2 เข็ม เข็มแรกซิโนแวค เข็มสองแอสตร้าฯ จากนั้น 3 เดือนไปซื้อแพ็กเกจตรวจภูมิคุ้มกันโควิดที่รพ.ราคา 1,200 บาท พบว่าไม่มีภูมิ ควรจะฉีดเข็มสามเหมือนบุคลากรแพทย์หรือไม่ และควรฉีดเมื่อใดว่า ..อย่าหาเรื่องไปตรวจภูมิคุ้มกันโรคโควิด ในรูปของ lgG และหรือ lgM) หลังการฉีดวัคซีนไม่ว่าจะหลังเข็มแรกหรือเข็มสองหรือเข็มสาม ไม่ว่าจะหลังการตรวจแล้วกี่วัน เพราะ

1.การตรวจภูมิคุ้มกันโรคโควิดหลังการฉีดวัคซีนไม่ใช่มาตรฐานการรักษาโรคของวงการแพทย์ทั่วโลกในปัจจุบัน เพราะวงการแพทย์ยังไม่รู้ว่าการตรวจพบหรือไม่พบแอนติบอดี้ระดับเท่าใด มีความสัมพันธ์กับอันตราการติดเชื้อและอัตราตายหลังการติดเชื้อแค่ไหน จึงเป็นการตรวจที่ใช้เฉพาะในงานวิจัยเท่านั้น ส่วนในการรักษาโรคข้อมูลที่ตรวจมาได้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย อย่าหลงคารมผู้เสนอขายสินค้า ซึ่งปรารถนาแค่จะขายลูกเดียว

2.น้ำยามาตรฐานที่จะใช้ตรวจภูมิคุ้มกันโควิดในโลกนี้ยังไม่มี WHO ยังไม่เคยออกมาตรฐานน้ำยาตรวจภูมิคุ้มกันโควิด หน่วยมาตรฐานที่จะวัดภูมิคุ้มกันที่ยอมรับกันทั่วไปก็ยังไม่มี ถ้าอ่านในรายผลจะรายงานหน่วยนับเป็นAU ซึ่งย่อมาจาก Arbitrary Unit ฟังดูหรู แต่แปลว่า “หน่วยมั่ว” บางแห่งก็รายงานผลเป็นเปอร์เซ็นต์ บางแห่งรายงานผลเป็นสัดส่วนความเจือจางของตัวทำละลายที่ยังตรวจพบภูมิได้ …ทั้งหมดนี้ผลตรวจแปลความหมายอะไรไม่ได้ ตรวจพบหรือไม่พบก็เชื่อถือไม่ได้ ตรวจพบระดับเท่านั้นเท่านี้จะติดโรคน้อยลงหรือตายน้อยลงแค่ไหนก็แปลผลไม่ได้ ต้องฉีดวัคซีนซ้ำหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วจะตรวจไปทำไม

3.หลักวิธีสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนของร่างกาย ระบบนี้ทำงานเป็นสามส่วนใหญ่ๆ คือ 1.ระบบจดจำหน้าตาเชื้อโรค 2.ระบบสร้างเม็ดเลือดขาวเพื่อเจาะจงทำลายเชื้อโรค 3.ระบบสร้างโมเลกุลภูมิคุ้มกันไปทำลายเชื้อโรค

ทั้งสามระบบย่อยนี้ทำงานประสานกันทันทีจนเชื้อโรคหมด พอเชื้อโรคหมดแล้ว ส่วนการสร้างเม็ดเลือดขาวและการสร้างภูมิคุ้มกันจะหยุดทำงาน แต่ส่วนระบบจดจำจะทำงานต่อเนื่องไม่มีหยุด ถ้าเราเจาะเลือดตรวจดูภูมิคุ้มกันในจังหวะนี้จะพบว่ามีภูมิต่ำ หรือไม่มีภูมิเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนที่ฉีดไปนั้นจะไม่คุ้มกันการติดเชื้อหรือจะไม่ลดการตาย เพราะพอเราไปติดเชื้อเข้าจริงตูม…ม ระบบจดจำก็จะแจ้งผลิตทั้งเม็ดเลือดขาวและภูมิคุ้มกันขึ้นมาทันที แบบว่าสเปกมีอยู่แล้ว ผลิตได้ทันทีตามต้องการ นี่เป็นหลักพื้นฐานในการทำนงานของวัคซีนที่วงการแพทย์ทราบดี งานวิจัยหลักฐานทำนองนี้มีชัดมาก ชัดที่สุดในกรณีวัคซีนโรคตับอักเสบไวรัสบี หลังฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มแล้ว ตรวจพบว่าไม่มีภูมิ แต่พอไปสัมผัสเชื้อจริงก็เกิดภูมิคุ้มกันสูงขึ้นพรวดทันทีและพอที่จะป้องก้นการติดเชื้อได้

ยกตัวอย่างในเรื่องโควิดนี้ พอฉีดวัคซีนซิโนแวคไปสองเข็มแล้วงานวิจัยตรวจภูมิพบว่าไม่มีภูมิหรือมีภูมิต่ำ แต่พอฉีดซิโนแวคเข็มที่สามก็พบว่ามีภูมิสูงขึ้นพรวดพราด (สูงมากกว่าฉีดเข็มที่สามด้วยวัคซีนไฟเซอร์เสียอีก) ประเด็นที่จะชึ้ไม่ใช่ประเด็นวัคซีนเทพวัคซีนมารใครดีกว่ากัน แต่จะชี้ให้เข้าใจกลไกการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันหลังได้วัคซีนว่า เมื่อจำเชื้อโรคได้แล้ว และทำลายเชื้อโรคหมดแล้ว ภูมิก็จะตก นี่เป็นปกติธรรมดา โดยที่วงการแพทย์ยังไม่รู้ว่าวัคซีนโควิด -19 ตัวไหนใช้เวลากี่วันภูมิจึงจะตก

สรุปว่าการตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19 ควรเป็นเรื่องของการทำวิจัยเท่านั้น ประชาชนทั่วไปไม่ควรไปยุ่งด้วยเพราะจะเสียมากกว่าได้