เคาะเงื่อนไขเงินดิจิทัล อายุ 16 ปีขึ้น เงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่น เงินฝากไม่เกิน 5 แสน

312
0
Share:
เคาะเงื่อนไข เงินดิจิทัล อายุ 16 ปีขึ้น เงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่น เงินฝากไม่เกิน 5 แสน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เปิดเผยว่าที่ประชุมเห็นชอบแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาทให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่อายุ 16 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน และเงินฝากทุกบัญชีต่ำกว่า 5 แสนบาท กลุ่มเป้าหมายประมาณ 50 ล้านคน โดยให้สิทธิ์ใช้ในระยะ 6 เดือน ครอบคลุมการใช้จ่ายในระดับอำเภอตามบัตรประชาชน โดยจะสิ้นสุดโครงการ 2570

สำหรับแหล่งที่มาของวงเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการประมาณ 5 แสนล้านบาท รัฐบาลจะใช้วงเงิน 6 แสนล้านบาทเพื่อดำเนินการในส่วนนี้ โดยเป็นการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท และการใช้เงินงบประมาณอีก 1 แสนล้านบาท

โดยเงิน 5 แสนล้านบาทจะมีการใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้ส่วนอีก 1 แสนล้านบาทรัฐบาลจะนำเงินไปใส่ในกองทุนเสริมสร้างการแข่งขันในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (New S Curve) เพื่อใช้ในการให้สิทธิประโยชน์ในการดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาลงทุน โดยกองทุนนี้จะใช้ในการดึงดูดการดึงบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น

พร้อมกันนี้จะมีการออกโครงการ e-Refund เพื่อลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้า มูลค่าไม่เกิน 5 หมื่นบาท เพื่อให้คนที่ไม่ได้สิทธิในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถเข้าร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการนี้ได้

ทั้งนี้ โครงการจะเริ่มต้นได้ในเดือน พ.ค.ในปี 2567 โดยก่อนหน้านี้จะมีการตีความกฎหมายโดยคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนที่จะเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาฯ

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า นโยบายนี้จะส่งผลดีต่อประเทศ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เติมเงินในระบบเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่ายเพื่อให้ประชาชนมีบทบาทร่วมกับรัฐบาลในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ

สำหรับเงื่อนไขของโครงการได้แก่
ไม่สามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้
ไม่สามารถซื้อสินค้าที่เป็นอบายมุขเช่น เหล้า บุหรี ได้
ไม่สามารถซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด เพชร พลอย ทองคำ อัญมณี
ไม่สามารถชำระหนี้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติได้
ไม่สามารถจ่ายค่าเทอมได้
ร้านค้าไม่ต้องทำการจดแวต เพื่อรับเงิน
ร้านค้าที่ต้องขึ้นเงินต้องอยู่ในประเทศ

การใช้สิทธิ์จะใช้แอปพลิเคชันที่พัฒนาต่อยอดจากแอปพลิเคชันเป๋าตัง และใช้ระบบบล็อกเชนเข้ามาช่วยลดการทุจริต

“เศรษฐกิจไทยใน 10 ปีที่ผ่านโตได้ต่ำมาก และเติบโตแค่เฉลี่ย 1.9% เท่านั้น ครั้งนี้จึงเป็นการเติมเงินในระบบเศรษฐกิจ ไม่ใช่การสงเคราะห์ผู้ยากไร้ ให้ประชาชนสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ขอให้ทุกคนภูมิใจและสามารถสร้างความมั่นคงในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทุกท่านไม่ต้องห่วง การคืนเงินกู้ รัฐบาลมีแผนในการบริหารการใช้คืนเงินกู้ในกรอบ เวลา 10 ปี “นายเศรษฐา กล่าว