เลิกร่วมผลิต! จีเอ็มและฮอนด้าเผยยุติผลิตรถอีวีร่วมกัน ชี้ตลาดธุรกิจรถอีวีเปลี่ยนแปลง

252
0
Share:
เลิกร่วมผลิต! จีเอ็ม และ ฮอนด้า เผยยุติผลิต รถอีวี ร่วมกัน ชี้ตลาดธุรกิจรถอีวีเปลี่ยนแปลง

นายโทชิฮิโร มิเบะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ บริษัทฮอนด้า มอเตอร์ ญี่ปุ่น กล่าวว่าได้ยุติความร่วมมือการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีร่วมกับบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ที่มีมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 185,000 ล้านบาท หลังจากทั้ง 2 ค่ายประกาศความร่วมมือในช่วง 1 ปีกว่าผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2022 สาเหตุจากฝ่ายฮอนด้า มอเตอร์ เปิดเผยว่าสถานการณ์เกี่ยวกับธุรกิจรถอีวีเปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่ฝ่ายจีเอ็มยอมรับว่าได้ปรับลด หรือยกเลิกแผนการผลิตรถอีวี

สำหรับความร่วมมือของทั้ง 2 ค่ายรถยนต์ชั้นนำระดับโลกที่กำหนดไว้ คือ ต้องการผลิตรถอีวีในกลุ่มราคาถูก โดยรถอีวีที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้จะใช้แบตเตอรีลิเธียมรุ่นใหม่ของจีเอ็มในการผลิตรถอีวีจำนวนหลายล้านคันที่มีราคาขายต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราคาต่ำกว่า 1,110,000 บาท ซึ่งตามเป้าหมายเดิมคือเตรียมออกจำหน่ายในปี 2027 หนึ่งในรุ่นที่วางแผนผลิตไว้ คือ รถอีวีประเภทเอสยูวี

สาเหตุการยุติความร่วมมือของฮอนด้า มอเตอร์ และจีเอ็ม มาจากแนวโน้มธุรกิจรถอีวีมีสัญญาณที่ไม่สดใส เช่น ต้นทุนในการผลิตรถอีวีสูงมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าขาดแคลน และความต้องการของผู้บริโภคลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

ดาริลล์ แฮริสัน ฝ่ายสื่อสารองค์กรบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม กล่าวว่า หลังจากการวิจัยและศึกษาอย่างเข้มข้น เราได้บรรลุการตัดสินใจร่วมกันที่จะยุติโครงการความร่วมมือดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แต่ละบริษัทยังคงมีความตั้งใจและผูกมัดต่อตลาดรถอีวีที่สามารถเข้าถึงได้

อย่างไรก็ตาม การเป็นหุ้นส่วนในด้านอื่นๆ ของทั้ง 2 บริษัท ซึ่งรวมถึงการร่วมมือผลิตของจีเอ็มกับฮอนด้าที่จะผลิตรถอีวีรุ่นโพรล็อก (Prologue) ของฮอนด้าในปี 2024 ยังคงมีต่อไป นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความร่วมมือเกี่ยวกับโครงการพลังงานเซลล์ไฮโดรเจน และยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

เมื่อกลางเดือนนี้ที่ผ่านมา เทสลา อินคอร์ปอเรชั่น ค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในสหรัฐอเมริกา เป็นค่ายผู้ผลิตรถอีวีล่าสุดที่เริ่มชะลอการผลิตรถอีวี โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายอีลอน มัสก์ เปิดเผยว่า รู้สึกกังวลกับต้นทุนกู้ยืมเงินที่อยู่ระดับสูง อาจทำให้กลุ่มผู้บริโภคตามเป้าหมายชะลอหรือยกเลิกการซื้อรถไฟฟ้า ถึงแม้ว่าเทสลาจะใช้กลยุทธ์ด้านราคาในเชิงรุกด้วยการปรับลดราคาขายรถไฟฟ้าเทสลาเป็นจำนวนหลายครั้งที่ผ่านมา ที่สำคัญ ผู้บริโภคอาจตัดสินใจรอความชัดเจนของสถานการณ์เศรษฐกิจ ก่อนที่เทสลาจะประเมินปัจจัยทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเกี่ยวกับโรงงานกิ๊กกะแฟคตอรีในประเทศเม็กซิโก

ซีอีโอ นายอีลอน มัสก์ กล่าวว่า ในเวลานี้ผู้บริโภคลังเลมากที่จะซื้อรถคันใหม่ ถ้าความไม่แน่นอนมีสูงในทางเศรษฐกิจ เทสลาไม่ต้องการเร่งเติบโตท่ามกลางความไม่นอน ในขณะที่ผลประกอบการของเทสลาในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ตกต่ำลงจากเป้าหมายที่นักลงทุนคาดไว้ ส่งผลราคาหุ้นของเทสลาร่วงหนักถึง -8%

สอดคล้องกับเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม เปิดเผยเมื่อช่วงกลางเดือนนี้ว่าจะต้องเลื่อนแผนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีไปอีกร่วมปี โดยเฉพาะการเลื่อนแผนการผลิตรถรุ่นเชฟโรเล็ต ซิลเวอร์ราโด และรถกระบะไฟฟ้าจีเอ็มซี เซียร์รา อิเลคทริค ที่มีแผนการประกอบที่โรงงานในมิชิแกน ด้านค่ายรถยนต์ฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยว่า จะปรับลดการทำงาน 1 ใน 3 กะทำงานที่โรงงานผลิตรถกระบะหรือปิกอัพไฟฟ้ารุ่น F-150

สอดคล้องกับค่ายรถอีวีชื่อว่าลูซิด (Lucid) เปิดเผยว่าในไตรมาส 3 ผ่านไป ได้ลดกำลังการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าลงมากถึงเกือบ 30% สะท้อนแนวโน้มตลาดรถอีวีในกลุ่มรถเก็งหรือซีดานขนาดกลาง ค่ายรถกระบะพลังงานไฟฟ้าชื่อดังในสหรัฐอเมริกามีชื่อว่าริเวียน (Rivian) ประกาศลดการคาดการณ์เป้าหมายการผลิตรถกระบะไฟฟ้าในปีนี้

นักวิเคราะห์ตลาดยานยนต์โลกจากธนาคารอาร์บีซี แคปปิตอล นายทอม นารายัน เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตลาดความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าชะลอตัวลงในช่วงระยะสั้นนี้ แต่สถานการณ์ตลาดอาจมีทิศทางลบท่ามกลางต้นทุนการเงินสูง