แคที วูด ซีอีโอ-นักลงทุนคริปโทชื่อดัง ชี้บิทคอยน์ทะลุ 1 ล้านดอลลาร์อีก 8 ปี

246
0
Share:
แคที วูด ซีอีโอ-นักลงทุนคริปโทชื่อดัง ชี้ บิทคอยน์ ทะลุ 1 ล้านดอลลาร์อีก 8 ปี

แคธี วู้ด ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ อาร์ค อินเวสท์เมนท์ สถาบันการเงินชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า มองว่าค่าเงินบิทคอยน์จะมีราคาขึ้นแตะที่ระดับ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 หรืออีก 8 ปีจากนี้ไป

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบิทคอยน์ในปัจจุบัน เต็มไปด้วยภาวะการเทขายอย่างหนาตาแบะต่อเนื่อง พบว่า ในคืนผ่านมา 22 พฤศจิกายน 2565 ค่าเงินบิทคอยน์ร่วงลงมาต่ำสุดระหว่างวันอยู่ที่ 15,480 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 557,280 บาท ทำสถิติค่าเงินบิทคอยน์ต่ำสุดนับตั้งแค่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2020 หรือในรอบ 2 ปี 11 วัน หลังจากนั้นมีแรงซื้อเงินบิทคอยน์ ทำให้ค่าเงินดังกล่าวขึ้นมาปิดที่ระดับ 15,909 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 572,724 บาท

ขณะที่มูลค่าตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกเสียหายไปถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 50 ล้านล้านบาทนับตั้งแต่ต้นปีนี้

สาเหตุจากปัจจัยลบและเรื่องอื้อฉาวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีนับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนเป็นต้นมากับกรณีที่เอฟทีเอ็กซ์ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายเงินคริปเคอร์เรนซีที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกล้มละลาย และร้องขอต่อศาลให้พิทักษ์ทรัพย์สินตามกฎหมายมาตรา 11 ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่กับทั้งนักลงทุนและเจ้าหนี้ของเอฟทีเอ็กซ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งนักลงทุนและเจ้าหนี้เหล่านี้ขาดสภาพคล่องทั้งเงินสดและเงินกู้อย่างต่อเนื่อง ผลกระทบดังกล่าวทำให้เจเนซิสที่ต้องการเงินสดไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 36,000 ล้านบาท ไม่สามารถระดมทุนเงินสดได้จนถึงขณะนี้

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา แคธี วู้ด ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ อาร์ค อินเวสท์เมนท์ สถาบันการเงินชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ได้ทำจดหมายเปิดผนึกส่งไปยังธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มีเนื้อหาใจความว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาตัดสินใจผิดพลาดในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอย่างรุนแรงเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา

แทนที่จะเป็นการพิจารณาไปที่ตัวชี้วัดอย่างเช่น ภาวะการจ้างงาน และดัชนีราคาสินค้าในช่วงหลายเดือนผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาควรจะเรียนรู้จากบทเรียนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ส่งสัญญาณให้เห็นถึงความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ ที่กำลังนำไปสู่ภาวะเงินฝืด แทนที่จะแก้ไขปัญหาเงินเฟ้ออย่างสำเร็จ

ซีอีโอ อาร์ค อินเวสท์เมนท์ สถาบันการเงินชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนสูงถึง 14,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 547,200 ล้านบาท กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกากำลังนำเศรษฐกิจไม่เพียงแค่ในสหรัฐอเมริกา แต่รวมถึงทั่วโลกไปสู่ภาวะฝืดเคืองในอนาคต จะเห็นได้จาก ในช่วงเวลา 6 เดือนผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาเร่งขึ้นดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 5 ครั้ง หรือขึ้นมาถึง 13 เท่าจากเดือนมีนาคมซึ่งเป็นเดือนแรกที่ขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว และในวันที่ 1-2 พฤศจิกายนนี้ ก็เป็นที่ชัดเจนว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เท่ากับปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวพุ่งสูงถึง 16 เท่า นี่คือต้นทุนการเงินที่พุ่งทะยานอย่างมากและรวดเร็ว