แบงก์ชาติเมินประชุมฉุกเฉินขึ้นดอกเบี้ย ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้น ปี 66 ไทยโต 4.2%

407
0
Share:
แบงก์ชาติ เมินประชุมฉุกเฉินขึ้น ดอกเบี้ย ชี้ เศรษฐกิจ เริ่มฟื้น ปี 66 ไทยโต 4.2%

นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานการประชุมนักวิเคราะห์ ครั้งที่ 2/2565 ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังมองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อไปจากระดับ 1-3% ซึ่งเป็นเป้าหมายเงินเฟ้อระยะปานกลางที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยแล้ว กนง. ไม่มีแผนที่จะประชุมนัดพิเศษ เพราะถ้ามีนัดพิเศษ จะต้องมีเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จนจำเป็นต้องเรียกประชุม

ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวต่อไปว่า เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นแบบระยะสั้น ต้องยอมรับว่ามีความผันผวนและหลุดกรอบเป้าหมายไปบ้าง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม แต่เชื่อว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อระยะปานกลางที่ 1-3% ยังเหมาะสม

แต่ละประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าหรือเร็วไม่เท่ากัน ก็จะใช้ความเร็วในการปรับนโยบายการเงินที่แตกต่างกันไป ดังจะเห็นได้จากเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่ฟื้นตัวเร็วและแรง จึงทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอย่างรวดเร็ว ด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่สูง ในขณะที่ประเทศไทย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช้ากว่า เพราะต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเริ่มมีภาพที่ชัดเจน กนง.คาดการณ์ว่าในปี 2566 จะขยายตัวได้ที่ 4.2% ซึ่งการที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวในระดับดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงกับระดับศักยภาพ

สำหรับสถานการณ์เงินบาทนั้น กนง. ยังจับตาใกล้ชิด แต่จากที่ได้พิจารณาดูแล้ว ในปีนี้เงินบาทที่อ่อนค่ายังสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค และการที่เงินบาทอ่อนค่ามีปัจจัยหลักมาจากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสำคัญ และมีโอกาสที่บาทจะกลับมาแข็งค่าได้ในช่วงปลายปี

การประชุม กนง. ในรอบถัดไปคือเดือนสิงหาคมซึ่งถูกมองว่าเป็นการเว้นระยะห่างเกินไป ท่ามกลางปัจจัยที่ผันผวนในปัจจุบันว่า การประชุม กนง.ที่จัดห่างกัน 6-8 สัปดาห์ เนื่องจากเพื่อให้ กนง.ได้ข้อมูลที่มีนัยสำคัญเพียงพอต่อการพิจารณาดำเนินนโยบายการเงินในแต่ละครั้ง และต้องการจะสื่อสารให้ชัดเจนกับผู้ร่วมตลาด ไม่อยากจะมีความตกใจ (เซอร์ไพรส์) กับตลาด แต่คงไม่สามารถบอกได้ชัดว่าแต่ละครั้งจะทำมาก-น้อยเพียงใด โดยเห็นว่าการประชุม กนง. ที่เหลืออีก 3 ครั้งของปีนี้ ถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว