“โดนัลด์ ทรัมป์” ยืดเวลาแบนการออกวีซ่าการทำงานชั่วคราวแก่ต่างชาติจนถึงสิ้นปี 2563

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ออกประกาศขยายระยะเวลาแบนการออกวีซ่าการทำงานชั่วคราวแก่ต่างชาติ เเละไม่ออกกรีนการ์ดบางประเภทยาวไปจนถึงสิ้นปี 2563 โดยให้เหตุผลว่าแรงงานต่างชาติเป็นผู้แย่งงานชาวสหรัฐ ซึ่งการสั่งแบนจะช่วยเพิ่มการจ้างงานชาวอเมริกันและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19
.
โดยวีซ่าที่โดนสั่งระงับการออกวีซ่าคือ
.
H-1B คือวีซ่าแรงงานที่มีความสามารถสูงเช่นอาชีพ วิศวกรคอมพิวเตอร์ หรือผู้เชี่ยวชาญทางไอทีต่างๆ
.
H-2B คือวีซ่า ที่ทำงานสำหรับการจัดสวนและภาคคอุตสาหกรรมอื่นๆ อุตสาหกรรมการดูแล เว้นแรงงานในภาคการเกษตรแบบฤดูกาล รวมถึงผู้ติดตาม
.
H-4 คือวีซ่าคู่สมรสผู้ถือวีซ่า H-1B
.
J-1 Visa คือวีซ่าประเภท intern, trainee, teacher, camp counselor, au pair, or summer work travel program เป็นวีซ่าที่ออกให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยให้เข้ามาท่องเที่ยวและทำงานในสหรัฐฯในโครงการแลกเปลี่ยนและโครงการ au pair ที่ต่างชาติเข้ามาดูแลเด็กในประเทศ
.
วีซ่า J-2 เป็นวีซ่าชั่วคราวที่ออกโดยเจ้าหน้าที่กงสุลที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาหรือสถานกงสุลสำหรับคู่สมรสและผู้ติดตาม (เด็กที่อายุต่ำกว่า 21 ปีที่ไม่ได้แต่งงาน) ของผู้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน J-1 ที่มาพร้อมกับหรือภายหลังเข้าร่วม J-1 ผู้ถือในสหรัฐอเมริกา
.
L visa คือวีซ่าสำหรับผู้จัดการและแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษสำหรับการย้ายภายในบริษัท รวมถึงผู้ติดตาม
.
โดยจะเริ่มต้นระงับการออกวีซ่าตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. 2563 ไปจนถึง 31 ธ.ค. 2563
.
ซึ่งสำนักคิดจากวอชิงตัน ดีซี คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานชาวอเมริกันถึง 525,000 ตำแหน่ง เเต่แรงงานต่างชาติทักษะสูงในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดต่อธุรกิจเทคโนโลยีของสหรัฐที่พึ่งพาต่างชาติ
.
ทั้งนี้ ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของบริษัทกูเกิล ได้กล่าวว่า แรงงานสกิลสูงเหล่านี้สร้างคุณประโยชน์อย่างมากต่อเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยผลักดันให้สหรัฐหลายเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี เเละนายเจสัน อ๊อกซ์แมน” หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารของสภาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญอย่างมากต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ดังนั้นประกาศดังกล่าวของทางการจึงย่อมส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ