ไม่เชื่อแน่! นายกส.ภัตตาคารไทยไม่เชื่อตัวเลขติดรายวันจะลดลง ปิด-ห้ามนั่งกินในร้านตามห้าง

334
0
Share:

นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่ารัฐบาลประกาศใช้มาตรการปิดล็อกดาวน์ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 5 จังหวัด โดยสั่งห้ามไม่ให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้าน และสั่งปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ส่งผลช่วงเดือนเมษายนถึงปัจจุบัน มียอดขายอาหารหายไปกว่า 90%

สาเหตุจากยอดขายอาหารส่วนใหญ่ตามปกติจะมาจากการนั่งทานที่ร้านเป็นหลัก แม้ขณะนี้จะสามารถซื้ออาหารกลับบ้านได้ แต่ต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการบางรายยังเข้าถึงช่องทางขายแบบออนไลน์ได้ไม่มากนัก โดยเฉพาะร้านอาหารขนาดเล็ก หรือร้านอาหารริมถนน (สตรีทฟู๊ด)

ร้านอาหารขนาดกลางขึ้นไป ขณะนี้ได้รับผลกระทบรุนแรงในระดับวิกฤตแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา ต้องแบกรับต้นทุนต่างๆ ในภาวะที่มีโรคระบาด โดยเฉพาะค่าเช่าพื้นที่ และค่าจ้างพนักงาน ทำให้การที่รัฐบาลสั่งปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อคนทำงานกว่า 1 แสนคน ซึ่งในจำนวนดังกล่าว คาดว่าเป็นผู้ประกอบการเพียง 10% ส่วนอีกกว่า 90% เป็นพนักงานลูกจ้าง

สมาคมภัตตาคารไทย ประเมินว่า ในขณะนี้เม็ดเงินที่หายไปในธุรกิจร้านอาหารมีมากกว่าปี 2563 ซึ่งเป็นปีแรกที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในไทยอย่างแน่นอน เพราะกำลังซื้อที่หดตัวอยู่แล้ว รวมถึงมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาขายอาหารมากขึ้นด้วย

นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวต่อไปว่า ไม่เชื่อว่าการสั่งปิดร้านอาหารในห้าง รวมถึงไม่ให้นั่งทานอาหารที่ร้าน จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลงได้ เนื่องจากผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ ยังไม่เห็นแนวโน้มยอดผู้ติดเชื้อจะลดลง อีกทั้งยังเห็นตัวเลขพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องด้วย เพราะมาตรการที่ออกมา เข้าใจว่ารัฐบาลต้องการให้คนอยู่บ้านมากที่สุด ไม่เดินทางเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

แต่ความจริงคือ คนยังต้องใช้ชีวิต และทำมาหากิน จึงมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถหยุดทำงาน หรือทำงานที่บ้านได้ อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ ที่มีโอกาสได้คุยกัน แพทย์และพยาบาลสะท้อนเสียงมาว่า ที่ผ่านมาพึ่งพาอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นที่ร้านอาหารในห้างเป็นประจำ เพราะสะดวกและมั่นใจในคุณภาพ เนื่องจากต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อดูแลคนอื่นต่อไป ทำให้การปิดร้านอาหารในห้าง ส่งผลกระทบในการใช้ชีวิตพอสมควร