YOUNG@HEART SHOW : ช็อกโกแลตสื่อแทนใจที่มากกว่ารัก
เทศกาลแห่งความรักมาเยือนช็อกโกแลตเป็นหนึ่งในสื่อแทนใจที่คู่รักนิยมมอบให้แก่กัน ทำไมถึงต้องเป็นช็อกโกแลต ย้อนไปในสมัยโบราณชนพื้นเมืองชาวมายัน และแอซเท็ก ช็อกโกแลตเป็นของมีค่าประดุจดั่งทองคำของชนชั้นสูง จึงเชื่อว่าการมอบช็อกโกแลตให้กันคือการมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้แก่คนที่รักต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้
ที่มารูปภาพ : pixabay.com
เราจะได้เห็นช็อกโกแลตสวยงามหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่หลักสิบในซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงหรูหราระดับพันระดับ แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าช็อกโกแลตเป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดโกโก้เขตร้อน มีต้นกำเนิดในอเมริกาใต้ แต่ปัจจุบันก็พบได้ในหลายประเทศเขตร้อนทั่วโลก เช่น กานา อินโดนีเซีย แอฟริกาใต้ เป็นต้น
ที่มารูปภาพ : pixabay.com
ช็อกโกแลตนอกจากจะมีความสวยงาม และรสชาติอร่อยแล้วยังเต็มไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่ากับบูลเบอร์รี่ แคนเบอร์รี่ และทับทิมเลยทีเดียวค่ะ ทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต อุมดมไปด้วยฟลาโวนอลที่ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรง และที่สำคัญคือช็อกโกแลตมีสารที่ช่วยกระตุ้นประสาท ทั้งโดปามีน ส่งผลให้มีความตื่นตัว รู้สึกกระฉับกระเฉง ซีโรโทนิน ทำให้อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย เอ็นดอร์ฟิน ช่วยให้มีสมาธิ รู้สึกดี ทำให้เวลาที่กินช็อกโกแลตจึงเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข
ที่มารูปภาพ : freepik.com
ถึงแม้ช็อกโกแลตจะเต็มไปด้วยประโยชน์ แต่เราก็ต้องเลือกชนิดและรับประทานให้เหมาะสม เพราะในท้องตลาดช็อกโกแลตมักเต็มไปด้วยน้ำตาล ถ้าอยากจะให้ได้ประโยชน์สูงสุดควรแบบดาร์กช็อกโกแลตซึ่งมีโกโก้ 60 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป จากการวิจัยพบว่าควรกินในปริมาณ 40 – 100 กรัม จะช่วยลดความเครียด หากกินช็อกโกแลตในปริมาณมากเกินไปอาจจะรู้สึกกระสับกระส่าย ใจเต้นแรง ปวดท้อง และคลื่นไส้ได้ ช็อกโกแลตยังไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน กรดไหลย้อน และไมเกรน
ที่มารูปภาพ : freepik.com
วาเลนไทน์ปีนี้ใครที่จะเลือกช็อกโกแลตแทนใจให้กับก็อย่าลืมเลือกแบบดาร์กช็อกโกแลตนะคะ ถึงจะขมหน่อยแต่เต็มไปด้วยประโยชน์ หรือหากได้ช็อกโกแลตหวานๆกินแล้วก็อย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายด้วยนะคะ จะได้อยู่เคียงข้างกันแบบสุขภาพดีมีความสุข สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
ที่มา : https://www.matichonweekly.com/column/article_80867
https://sites.google.com/site/katekpp019/thima-khxng-chxkkolaet
https://today.line.me/th/v2/article/PnQwO0